[pitiman]

อูชื่อ : FU SERVICE ย่านรามอินทรา อยู่ปากทางเข้าหมู่บ้านปัญญา ทางไป safari world
อู่ซ่อม: รถยุโรป vw audi และอื่นๆ
เจ้าของอู่ ชื่อช่างฟู มือไม่ถึง ซ่อมไม่จบ ซ่อมไม่หายซักอาการ อะไหล่ที่เปลี่ยนไม่คืนลูกค้า ( แล้วจะรู้ได้ยังไงว่าทำหรือเปล่า ) บวกค่าอะไหล่เป็นเท่าตัว ( จ้องจะเปลี่ยนอะไหล่ฟันลูกค้าท่าเดียว ) และที่สำคัญมันโกหกลูกค้า โดยเขียนบิลรายการ แต่ไม่ได้ทำ ( ซ่อมกล่อง ecu แต่ไม่มีล่องลอยถอด ฝุ่นยังคงจับเขอะเหมือนเดิม )
แล้วมีเวลาผมจะเล่ารายละเอียดให้ฟังครับ เอาไว้เป็นข้อแนะนำ ผมก็แค่บอก อันนี้ขึ้นอยู่กับ วิจารณญาน แต่ละท่านครับ
หรือถ้าใครมีประสบการณ์ไม่ดี มาร่วมแชร์ข้อมูลกันครับ เพื่อจะได้ไม่ไปใช้บริการ อู่ซ่อมรถแบบนี้จะได้หมดไป หากินไม่ได้ต่อไปครับ

[น้องฟ้า VR6]

จะคอยติดตามครับ

[pitiman]

ผมแค่อยากแชร์ ประสบการณ์ การซ่อมรถครับ ไหนๆ ผมก็เสียแค่ซ่อมไปแพงมากกว่าควรจะเป็นแล้ว ผมขอบอกต่อ ไว้เป็น ข้อควรระวัง กับการเลือกช่าง และอู่ซ่อมรถ ถึงวันนี้ผมยังคงเชื่อเสมอว่า ช่างที่ดี ตรงไป ตรงมา มีมากกว่า คนไม่ดีส่วนน้อยนี้ ขอให้พวกเราหลีกหนีให้ไกลครับ

เรื่องมีอยูว่า ผมอยากได้รถครอบครัว หลังจากได้ไปดูมาหลายยี่ห้อแล้วรถที่ตอบโจทย์ผมในหลาย ๆ ด้านคือเจ้าโฟร์ค     คาราเวล t4 ปี 2000 เครื่องยนต์ vr6 ครับ แต่ทว่า มันมาอยู่กับผมได้ไม่นาน ( ไม่นานจริงๆ เที่ยวแรกที่ขับไประยอง มันเกเรเลย แล้วทำไมมันไม่ เกเรก่อนซื้อนะ ) ตอนนั้นเท่าที่จำได้เป็นช่วงกลางปี ขณะขับไปเส้น by pass ชลบุรี เครื่องยนต์ เหมือนมีอาการเร่งรอบฟรี คือ เร่งรอบสูง แต่รถไม่วิ่ง และเครื่องยนต์มีอาการสั่นผิดปรกติ ผมลงจากรถมาดู และก็ขับต่อไปจนถึงระยองครับ ( ระหว่างทางขับไปรถมีอาการเร่งไม่ค่อยออก เครื่องยนต์สั่น กินน้ำมันผิดปรกติ ต้องเรียกซด ถึงจะถูก จำได้ว่าตอนนั้นขับไปแทบร้องไห้ไป แอร์ก็ไม่ค่อยเย็น แถมมีสมาชิกครอบครัวหลายชีวิตทั้งลูก และญาติ โฮ เครียสสุด ๆ )

ต่อมาก็ทนใช้มาเรื่อยๆ ไปโน้น นั่น นี่ บ้าง ระยะทางไม่ไกลมาก แต่ขอบอกว่า อาการกินน้ำมัน มันหนักขึ้นเรื่อยๆ ครับ จากเดิมที่ซด ตอนนี้เหมือนน้ำมันรั่วแล้วครับ ผมสงสัยมาก เลยลองมุดใต้ท้องรถดู ว่าน้ำมันเชื้อเพลิง มันรั่วทางไหนได้บ้าง ซึ่งผมก็ไม่พบว่ามีน้ำมันรั่วแต่อย่างไร ( เติม 500บาท วูบเดียวหาย ทำเอาประสาทเสียเลย )  บวก ด้วยอาการเปลี่ยนเกียร์ ที่สะดุดและกระตุก แบบว่ารู้สึกได้ชัดเจนมากๆ

ตอนนั้น เมื่อ scan แล้วไม่เจอปัญหา  ผมจึงคิดว่า เครื่องยนต์ก็น่าจะปรกติ ผมก็ลองหาข้อมูลต่างๆ จาก web โน้นบ้าง web นั้นบ้าง พบว่า เครื่องยนต์ รุ่นนี้ เจ้าของทนพฤติกรรมการบริโภคน้ำมันไม่ไหว จึงขายทิ้งกัน อัตราสิ้นเปลืองอยู่ประมาณ 4-5 กม./ลิตร ซึ่งมันใกล้เคียงกับที่ผมใช้อยู่ และของผมน่าจะต่ำกว่านี้ด้วยซ้ำ ( ถ้าเครื่องยนต์ปรกติ มันจะอยู่ประมาณ 6-8 กม./ลิตร ขึ้นอยู่กับสภาพถนนและจราจรด้วยนะครับ)

หลังจากนั้นผมก็คิดว่าถ้าต้องการใช้งานกันต่อไป คงต้องติดแก๊สแล้วละ ผมก็เลยหาข้อมูล ทาง web ทราบว่า รถรุ่นนี้ เครื่องยนต์ 6 สูบ ติดแก๊สยากครับ ร้านทั่วไปทำไม่ได้ ที่ทำได้ ที่ชาวโฟร์คคาราเวล t4 เครื่อง VR6 ใช้บริการกันคือ บริษัท AG อยู่ แถวคู้บอน รามอินทราครับ หลังจากที่ได้พูดคุย สอบถามข้อมูลกันทางโทรศัพท์แล้ว ผมติดสินใจนำรถเข้าไปติดแก๊ส ที่นั้นครับ ราคา  40,000 ถ้วน รวมทุกอย่าง ( ถ้าตอนนั้นถ้าผมเสี่ยงติดแก๊สไป ขับแก๊สอาจจะดีก็ได้ครับ เพราะภายหลังปัญหามันเกิดจากระบบฉีดจ่ายน้ำมันเชื้อเพลิง แต่เวลานั้นก็ยังไม่รู้สาเหตุปัญหาครับ )

ยังมีต่อครับ

[Gong960]

รอฟังต่อครับ  

[pitiman]

ผมขอเล่าต่อยาวนะคร้บ เพราะว่าผมไม่มีเจตนา จะเขียนด่าช่างอย่างเดียว แต่ผมตั้งใจจะแทรก เกร็ดเล็ก เกร็ดน้อยเข้าไปด้วย เช่น การตรวจเช็คส่วนต่างๆ ของตัวรถอย่างง่ายๆ ที่ทุกท่านสามารถดูได้ด้วยตัวเอง และอืนๆด้วยครับ

ผมนำรถเข้าไปติดแก๊สที่ AG หลังจากช่าง ดูสภาพเครื่องยนต์เบื้องต้นแล้ว แจ้งว่า เครื่องยนต์ เหมือนทำงานไม่เต็มที่  ไม่เต็มสูบ มีอาการเดินไม่เรียบด้วย ควรจะตรวจเช็คและทำเครื่องยนต์ให้ดีก่อน  แล้วค่อยมาติดแก๊ส  และถามต่อว่า ผมมีอู่ซ่อมประจำหรือไม่  ถ้าไม่มี ผมมีเพื่อน ที่เป็นช่างซ่อมรถโฟร์คและยุโรป  ผมก็เลยขับรถไปหาช่างโฟร์คตามคำแนะนำซึ่งอยู่ใกล้ๆ กันครับ

อู่ที่นี่มีชื่อว่า FU SERVICE ครับ  มันเป็นอู่เล็กๆ สภาพอู่ก็ไม่น่าใช้บริการอยู่แล้ว แต่ในตอนนั้นผมคิดว่า ถ้าอาการเครื่องยนต์ผมไม่เป็นอะไรมากจะได้นำรถกลับไปติดแก๊สได้เลย พอผมนำรถเข้าไปได้เล่าอาการเบื้องต้นให้ฟัง ช่าง ก็เลยเอาเครื่อง SCAN ( เครื่อง SCAN ที่ใช้ดูน่าเชื่อถือ มีมาตรฐาน แต่จะเหมือนกับที่ศูนย์บริการใช้หรือเปล่าไม่ทราบครับ ) มาเสียบเข้าที่รถผม ซักพัก ก็มาบอกผมว่า ตัวอ๊อกซิเจนเซ็นเซอร์มีปัญหา ( ทุกวันนี้ก็ยังใช้ตัวเดิมไม่ได้เปลี่ยนครับ )  เสร็จแล้วก็เปิดฝากระโปรงรถผม หลังจากดูเครื่องยนต์ ซักพัก บอกว่า รถพี่มีอากาศรั่ว และถอดท่ออากาศออกมา ซึ่งจุดอ่อนจุดหนึ่งของเครื่อง VR6 รุ่นนี้คือ ตรงตำแหน่งคอท่ออากาศ ที่เป็นเซ็นเซอร์ จะปริแตกและมีรอยซ่อมแทบทุกคัน ซึ่งท่ออากาศของผมก็มีการซ่อมมาก่อนหน้าเช่นกัน  ช่างมันก็เลยจัดแจงซ่อมให้ วิธีการก็คือไปเอา เศษบูซยางเก่าๆ ที่ไม่ใช้แล้ว มาอัด และยัดกลับเข้าไป ซึ่งใช้งานต่อมาไม่นานซักพัก ก็หลุดครับ ( ห่วยแตก ) ซึ่งตรงจุดนี้วิธีการที่อู่อื่นๆเขาทำกันคือ จะต้องใช้ซิลิโคน อะไรซักอย่างนี้แหละครับ พอกไปที่รอยต่อเพื่อเป็นการซีล เหมือนกับของเดิมที่เขาเคยทำไว้ก็จะอยู่ได้นานครับ ( อันนี้มันไม่รู้วิธีการ และทำไม่เป็น ถ้าอู่ใดไม่แก้ไขด้วยวิธีการอย่างที่ว่า ให้ท่านเลิกซ่อม นำรถกลับเลย ซ่อมต่อไป ปวดใจตายเลยครับ ) และบอกผมว่า อยากให้ทิ้งรถไว้ที่นี่ จะตรวจเช็คให้ดี เนื่องจาก ท่อทางต่างๆ มีการดัดแปลงจากเดิม ทำให้เครื่องยนต์ทำงานไม่เต็มสมรรถนะ ประมาณนั้น ( มันก็มั่วอีกนั้นและ เพราะระบบท่อทางต่างๆ มันก็ระบบเดิมนะครับ ซึ่งสุดท้ายผมไม่เห็นมันทำอะไรกับท่อทางของรถผมเลย) และยังบอกต่อไปอีกว่า ท่อสามทางในระบบน้ำหล่อเย็นที่เป็นพลาสติก เริ่มกรอบเสื่อมสภาพแล้ว จะซ่อมตรงจุดนี้ให้ด้วย( สุดท้ายมันก็ไม่เปลี่ยนให้ผม ภายหลังผมไปซ่อมที่อื่น เขาตรวจเจอและทำให้เลยครับ) แล้วก็บอกให้ผมทำโน่น ทำนี่ ดูระบบโน้นระบบนี้ หลายสิ่งอย่าง อาทิเช่น ลูกหมาก คู่หน้าซ้ายขวา ลูกหมากด้านซ้ายหรือขวานี่ละครับเริ่มหลวม เวลาวิ่งจะมีอาการสั่น ( วิธีตรวตรวจสอบระบบช่วงล่างเบื้องต้น สามารถทำได้ด้วยตัวเอง โดยการลองขยับที่ล้อทั้งซ้าย และขวา ถ้าขยับแล้วมีอาการโยก คลอน ระบบช่วงล่างมีปัญหาแล้วครับ แต่ว่าจะเป็นอะไรต้อง เช็คระเอียดต่อไปครับ รายละเอียดหาดูได้เยอะแยะใน web ครับ ) รถผมขณะขับความเร็วช่วง 80-100 กม/ชม. รถมีอาการสั่น ลองสลับยางถ่วงล้อแล้ว ก็ไม่หาย ( รุ่นนี้ระบบช่วงล่างหน้า จะเป็นลูกหมากปีกนก บน ล่าง ทั้งซ้ายขวารวมทั้งสิ้น 4 ตัวครับ แต่หลังจากเปลี่ยนแล้ว ดีขึ้นนิดหน่อย อาการไม่หายขาด  ) แล้วก็แนะนำต่อไปเกี่ยวกับระบบแอร์ ว่าระบบเดิมเขาทำมาไม่ถูกต้อง ซึ่งต้องทำอย่างนั้น อย่างนี้ถึงจะถูกต้อง ( ไอ้ที่ไม่ถูกต้อง คือมีแผงคอล์ยร้อนตัวเล็ก อีกหนึ่งตัว  ติดตั้งอยู่ที่ใต้แผงกันชนหน้า ทำหน้าที่ช่วยการระบายความร้อน คล้ายๆกับรถตู้ทั่วๆ ไปครับ )

ยังมีต่อ

[praradornt4]

รออ่านอยู่