ขอบคุณคำแนะนำและกำลังใจของทุกคนครับ 

ก่อนใช้โฟล์คผมขับกระบะลงสามจังหวัดชายแดนประจำ ขับคนเดียวสิบกว่าชั่วโมง มีจอดนอนตอนเช้าชั่วโมงเดียว
พอถึงที่หมายหลับตานอนยังเห็นถนนอยู่เลย   

แต่เจ้ากอล์ฟนี่น่าจะขับสบายกว่ากระบะเยอะ...

เรื่องให้ช่างเช็คก่อนมีแผนจะทำอยู่แล้ว เพื่อความมั่นใจ


อ่อ...ไปเจอกระทู้เก่า http://vwthai.hypermart.net/Clubhouse/47906.html

พบว่ามีเพื่อนๆ ขับไปไกลๆ กันได้สบายๆ ก็อุ่นใจครับ

เสียใจด้วยครับ คุณจุ๊ย

กรุณาส่งข่าวด้วยว่าช่างเค้าบอกว่าเป็นอะไร

น่าอิจฉาคุณvw mark III ได้เที่ยว ทั่วไทยหรือยังครับ

อ้างจาก: dorn ที่ พฤศจิกายน 01, 2012, 04:57:07 am

เสียใจด้วยครับ คุณจุ๊ย

กรุณาส่งข่าวด้วยว่าช่างเค้าบอกว่าเป็นอะไร

น่าอิจฉาคุณvw mark III ได้เที่ยว ทั่วไทยหรือยังครับ

ไม่ทันได้ถามครับคุณdorn พอดีผมขับเพื่อไปเปลี่ยนเครื่องยนต์ที่ กทม.
เลยคุยแต่เรื่องการถอด การวางเครื่อง แก๊ส ค่าใช้จ่าย  เลยไม่ทราบว่าเสียเพราะอะไรครับ
เครื่องที่จะวาง เป็นเครื่อง เกียร์ธรรมดา เน้นเลยว่า ครัช หวีครัช ถ้าไม่ดีแล้วช่วยเปลี่ยนเลย 
ไม่อยากวิ่งไม่ออกอีก(รวมถึงส่วนอื่นๆ ช่วงล่าง ความร้อน...)

เสียใจด้วยครับ คุณจุ๊ย

กรุณาส่งข่าวด้วยว่าช่างเค้าบอกว่าเป็นอะไร

น่าอิจฉาคุณvw mark III ได้เที่ยว ทั่วไทยหรือยังครับ

ในที่สุดก็ไปมาแล้วครับ กรุงเทพ - สุไหงโกลก (ชายแดนไทย-มาเลยเซีย)  ระทางไปกลับ 2600 กม.

ขาไปไม่มีปัญหาอะไรขับสนุกเลย

แต่ขากลับสงสัยขับสนุกไปหน่อย  งานเกือบเข้า เมื่อวิ่งจากยะลามาถึงเกือบจะเข้า จ.สุราษ

เกิดเหตุเกียร์ค้างอยู่ที่เกียร์ 3   ตอนแรกจอดข้างทางแล้วดับเครื่อง แล้วรีเซ็ตเกียร์ด้วยการบิดกุญแจแล้วเหยียบคันเร่ง...ไม่หายครับ

ขับลากเกียร์มาจนถึงปั๊ม คราวนี้ถอดขั่วแบต ทิ้งไว้ กินกาแฟรอ ประมาณ 15 นาที จึงลองดูใหม่

ก็ยังไม่หาย (เหงื่อเริ่มตก ใจเริ่มไม่ดี)

เปิดโน๊ตบุคหาข้อมูลในเว็บ พร้อมกับโทร.ปรึกษาช่าง

ช่างที่ทำประจำแนะนำว่าในถอดขั่วแบตทิ้งไว้นานครึ่งชั่วโมง

หาข้อมูลในเว็บนี้ คุณอนุรัตน์ แนะนำว่าให้ลองขยับพวกปลั๊กไฟ แถวๆเกียร์ดู ตรงสปีดเซ็นเซอร์ด้วย

หาข้อมูลอู่ที่อยู่ จ.สุราษ  พบเบอร์เพื่อนสมาชิกท่านหนึ่งชื่อ หมูแฮม หรือคุณวุฒิ ที่อยู่แถวสุราษ เลยโทร.ขอคำปรึกษา

คุณวุฒิใจดีมากอุตสาห์หาเบอร์ช่างที่สุราษให้ ขอขอบคุณอีกครั้ง 

เอาล่ะ...ถอดขั้วแบตทิ้งไว้ได้ครึ่งชั่วโมงแล้ว ก่อนใส่ขั้วแบต  ขยับพวกปลั๊กไฟต่างๆ  แล้วก็ใส่ขั่วแบต ลุ้นๆๆๆ

พอสตาร์ทลองขับดู ปรากฎว่าทุกอย่างกลับมาปกติ 

ขับกลับจนถึงกรุงเทพฯ โดยสวัดิภาพ

ระหว่างทางคุณวุฒิยังโทร.มาสอบถามอาการว่าเป็นไงบ้าง ขอบคุณในน้ำใจจริงๆ ครับ


2600 กม. เติมแก๊สไป 4500 บาท

ใช้คุ้มเลย



ปล.ถึงตอนนี้รถยังไม่มีปัญาหาอะไรครับ

ขอบคุณทีมงานเว็บด้วยครับที่ทำให้มีเว็บดีๆ อย่างนี้

http://carcare.exteen.com/20110411/car-checking-before-travel

การตรวจสภาพรถภายนอกก่อนการเดินทาง
ยาง ตรวจความดันลมยาง ดอกยาง และรอยฉีกขาด ตรวจดูว่าขันแน่นดี แต่ก็ไม่แน่นจนเกินไปจนคลายออก ไม่ได้ด้วยตัวเอง
รอยรั่วซึม ตรวจดูว่ามีร่องรอยน้ำมันเครื่อง น้ำมันเกียร์ น้ำมันเบรค หรือน้ำรั่วซึมจากใต้ท้องรถ
ยางปัดน้ำฝน ทดลองปัดดูโดยใช้ความเร็วทุกระดับ
ไฟส่องสว่าง ตรวจดูไฟหน้า ไฟท้าย ไฟเบรค ไฟเลี้ยวหรืออื่นๆรวมทั้งระดับไฟหน้าด้วยว่าเป็นปกติทั้งหมด
การตรวจสภาพภายในรถก่อนออกเดินทาง
ยางอะไหล่และแม่แรง ตรวจเช็คลมยาง และให้แน่ใจว่าแม่แรงและด้ามขันใช้งานได้ตามปกติ
เข็มขัดนิรภัย ตรวจเช็คว่าหัวเข็มขัดสามารถล็อคได้เรียบร้อย
แตร ให้แน่ใจว่าดังดี
แผงควบคุมและอุปกรณ์ ตรวจดูให้แน่ใจว่าทำงานเป็นปกติ และที่ปัดน้ำฝน ปัดได้เรียบร้อยสม่ำเสมอ
เบรก เช็คระยะฟรีขาเบรคอยู่ในค่ากำหนดหรือไม่
ฟิวส์สำรอง ต้องมีขนาดค่ากระแสใช้ได้ตามที่กำหนดที่แผงฟิวส์ ตรวจใต้ฝากระโปรงหน้า
ระดับน้ำหล่อเย็น ควรจะมีอยู่ถึงระดับสูงสุดในถังพักสำรอง
หม้อน้ำและท่อยาง ควรดูว่าด้านหน้าหม้อน้ำหมดจดไม่มีเศษวัสดุ หรือใบไม้ติดอยู่ ดูท่อยางว่ามีรอยแยกเปื่อย มีรอยฉีกขาดหรือหลวม
สายพานขับต่างๆ ต้องไม่มีรอยแตก เลอะน้ำมันหล่อลื่น และความตึงสายพานอยู่ในค่ากำหนด
แบตเตอรี่และสายไฟ ตรวจดูและเติมน้ำกลั่นให้ได้ระดับที่กำหนดดูเปลือกแบตเตอรี่ว่ามีร่องรอยเสียหายหรือไม่ ดูขั้วต่อและสายไฟว่าอยู่ในสภาพดีหรือไม่
ระดับน้ำมันเบรคและคลัชท์ ตรวจดูว่าระดับน้ำมันเบรคและคลัทช์อยู่ในระดับที่ถูกต้อง
ท่อน้ำมันเชื้อเพลิง ตรวจดูว่าท่อน้ำมันมีการรั่วหลุดหรือไม่