• ยินดีต้อนรับ, บุคคลทั่วไป



  • กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิก.

    เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น

    ตอบ

    Warning: this topic has not been posted in for at least 120 days.
    Unless you're sure you want to reply, please consider starting a new topic.
    ชื่อ:
    อีเมล์:
    หัวข้อ:
    ไอค่อนข้อความ:

    Verification:
    Type the letters shown in the picture
    Listen to the letters / Request another image

    Type the letters shown in the picture:
    ตัวย่อของเมืองหลวงของเรา ๓ ตัว:

    shortcuts: กด alt+s เพื่อตั้งกระทู้ หรือ alt+p แสดงตัวอย่าง


    สรุปหัวข้อ

    ข้อความโดย: โชติ
    « เมื่อ: เมษายน 01, 1998, 09:56:35 am »

    รหัสลับของที่นี่ครับ [Ctrl]+[F5]

    จุ..จุ อย่าเอ็ดไปครับ

    6 ส.ค. 2551 , 20:50:49 น
    ข้อความโดย: KPJ
    « เมื่อ: เมษายน 01, 1998, 09:56:35 am »

    ผมไม่ค่อยรู้เรื่องเนทมากนัก แต่ที่นี่เวลาเปิดอ่านแล้วเหมือนกระทู้มันไม่ Update (ผมพบบ่อยมากๆ ทั้งที่กด Refresh แล้ว) ตอนแรกผมอ่านไม่พบกระทู้ที่ลงมาก่อนหน้านี้

    เลยใส่เข้าไปอีกครั้งต้องขออภัยครับ

    6 ส.ค. 2551 , 09:35:51 น
    ข้อความโดย: KPJ
    « เมื่อ: เมษายน 01, 1998, 09:56:35 am »

    “””””””””””””””””””
    รู้แต่ลักษณะเป็นวงแหวนโลหะหนาไม่เกิน 1 มม.เหมือนแหวนลูกสูบแต่ไม่มีช่องปากแหวน
    วางอยู่บนปากกระบอกสูบ สูบละ 1 วง ในส่วนของการป้องกันกำลังอัดฯรั่ว น๊อตฝาสูบทุกตัว
    แช่อยู่ในน้ำหล่อเย็น ช่องว่างระหว่างน๊อตกับฝาสูบก็มีน้ำเข้าไปถึง ปลายน๊อตด้านฝาสูบ
    สัมผัสน้ำโดยตรง ในคู่มือระบุชัดเจนว่าให้ทาน้ำยากันรั่ว(มีเบอร์น้ำยากำกับมาด้วย)
    ที่เกลียวน๊อตและหน้าแปลนทุกตัวแล้วให้ประกอบให้เสร็จใน 40 นาที
    ดังนั้น กาวที่แห้งสนิทแล้วหากมีการบิดตัวอีกครั้งจะเกิดอะไรขึ้น
    “””””””””””””””””””
    อย่างนี้คงขันซ้ำไม่ได้อีกแล้วละครับ เป็นความรู้ใหม่จริงๆ ละครับ เคยเรียนด้านนี้มาเหมือนกัน  แต่ทิ้งไปเกือบสามสิบปี ผมกลายเป็นคนตกยุคไปแล้ว ช่วงหลังสิบปีที่ผ่านมา สนใจอยู่กลับการทำแอมป์หลอด (ถ้าใครสนใจทำเองคุยกันได้ครับ) พอรู้จักมันดีมากพอสมควร แล้วก็เลยอยากกลับมาศึกษาเรื่องเครื่องยนต์กลไกลต่อ

    ในนี้มีคนให้ความรู้ลึกๆ ดีครับ ตอบคำถามกันทันอกทันใจดี คือผมพึ่งได้ตู้แตงโมมา (ก็เลยเข้ามาแอบหาความรู้ในนี้ และก็อยากช่วยเสนอความคิด แต่ดูแล้วมันอาจไม่ค่อยจะได้เรื่องซะแล้ว เพราะดูเหมือนโฟล์ค จะเหมือนซีตรอง ที่ไม่เหมือนรถทั่วๆ ไป ผมคงต้องแอบอ่านอย่างเดียวละครับ) สภาพทุกอย่างค่อนข้างดีมากๆ  ยังไม่รู้อะไรกลับมันเลย (เป็นศูนย์จริงๆ)  กะว่าจะเอาไว้เวลาญาติขึ้นมาเยี่ยมเมืองเหนือจะได้นั่งกันหลายๆ คนได้ และมันก็สวยน่ารักกว่ารถตู้รุ่นใหม่ๆ ของญี่ปุ่นเยอะ (ก็อยากได้หน้าวี เหมือนกัน ยังไม่พบเนื้อคู่ครับ) แต่ในนี้เห็นใช้แต่รุ่นใหม่ๆ กัน เคยหาอ่านเครื่องรุ่นเก่าจากที่อื่นมาหลายที่ ก็ไม่พบอธิบายคุยกันละเอียดและลงลึกๆ เหมือนในนี้ครับ

    เรียนคุณ  P51D ผมก็กำลังหารุ่นนี้ สภาพอุปกรณ์ภายในและคิ้วคางครบอยู่ครับ (ต้องการแค่นี้จริงๆ เรื่องอื่นไม่สน!!!)  เครื่องและระบบไฮดรอลิก พอใช้กลับรุ่นใหม่ได้ครับ ฝากดูให้ด้วยครับ ถ้าราคาไม่แพงมากนัก คุณไม่เอาผมอาจลงไปเอาเองนะครับ ผมใช้ซีตรองมาเกือบสามสิปปีเช่นกัน ใช้ผ่านมือมาสิบกว่าคัน กับหลายๆ รุ่น รุ่นใหม่ๆ ก็เคยใช้  แต่ตัวใช้ประจำ และคิดว่าดีที่สุดของเขาคือ CX ปี 88-92 ครับ ทนทาน บึกบึน ลุยขึ้นเขาลงห้วย ถ้าซ่อมถึง (แต่ผมก็ไม่เคยได้ซ่อมใหญ่เลยสักครั้ง ใช้หลัก Run to Fail) แล้วจะไม่พบปัญหาจุกจิก ค่าใช้จ่ายการซ่อมแซม เฉลี่ยตัวที่ใช้ปัจจุบัน CX 20 คือไม่เกินพันต่อปีครับ (นี่คือรถปี 88 นะครับ) เครื่อง 2000cc  รถหนัก 1,250 kg  วิ่งทางไกล 130 km/hr กินน้ำมัน 14.17kg/km ใช้มาเกือบ 5 แสนกิโล ยี่ห้ออื่นไม่รู้ว่าทำได้หรือไม่ครับ? คือสนใจแต่ซีตรองเลยไม่ได้รู้เรื่องตัวอื่นๆ เลยครับ 405 ใช้เครื่องตัวเดียวกับ BX ครับ แต่คุณอาจไม่เชื่อว่า CC น้อยกว่า CX และน้ำหนักตัวรถน้อยกว่าหลายร้อยโล แต่กินน้ำมันมากกว่า CX นะครับ

    6 ส.ค. 2551 , 09:17:48 น
    ข้อความโดย: เชิดชัย
    « เมื่อ: เมษายน 01, 1998, 09:56:35 am »

    T3.  วาล์วเป็นไฮดรอลิคครับ  ไม่ต้องไปตั้งมันใช้แรงดันน้ำมันเครื่อง  ไปดันให้เงียบครับถ้าดังไม่หยุด  ผู้รู้บอกว่าไม่ซีลไฮดรอลิควาล์วรั่ว(เสียเงิน)  ก็น้ำมันเครื่องใสเกินไป  ปัจจุบันผมใช้  ดักแฮมเซมิ  10W50 (500  บาท  4ลิตรแถม1ลิตร  ปากซอยวัฒนา  สำเหล่)  +  หัวเชื้อ STP  (100 บาท)  ใช้ได้ประมาณ  7000-10000  กม.  แล้วแต่ว่าวาล์วจะดังช่วงไหนก้จะ
    เปลี่ยนต่อไป  (0846668052)

    6 ส.ค. 2551 , 09:11:27 น
    ข้อความโดย: KPJ
    « เมื่อ: เมษายน 01, 1998, 09:56:35 am »

     “””””””””””””””””””
    รู้แต่ลักษณะเป็นวงแหวนโลหะหนาไม่เกิน 1 มม.เหมือนแหวนลูกสูบแต่ไม่มีช่องปากแหวน
    วางอยู่บนปากกระบอกสูบ สูบละ 1 วง ในส่วนของการป้องกันกำลังอัดฯรั่ว น๊อตฝาสูบทุกตัว
    แช่อยู่ในน้ำหล่อเย็น ช่องว่างระหว่างน๊อตกับฝาสูบก็มีน้ำเข้าไปถึง ปลายน๊อตด้านฝาสูบ
    สัมผัสน้ำโดยตรง ในคู่มือระบุชัดเจนว่าให้ทาน้ำยากันรั่ว(มีเบอร์น้ำยากำกับมาด้วย)
    ที่เกลียวน๊อตและหน้าแปลนทุกตัวแล้วให้ประกอบให้เสร็จใน 40 นาที
    ดังนั้น กาวที่แห้งสนิทแล้วหากมีการบิดตัวอีกครั้งจะเกิดอะไรขึ้น
    “””””””””””””””””””
    อย่างนี้คงขันซ้ำไม่ได้อีกแล้วละครับ เป็นความรู้ใหม่จริงๆ ละครับ เคยเรียนด้านนี้มาเหมือนกัน  แต่ทิ้งไปเกือบสามสิบปี ผมกลายเป็นคนตกยุคไปแล้ว ช่วงหลังสิบปีที่ผ่านมา สนใจอยู่กลับการทำแอมป์หลอด (ถ้าใครสนใจทำเองคุยกันได้ครับ) พอรู้จักมันดีมากพอสมควร แล้วก็เลยอยากกลับมาศึกษาเรื่องเครื่องยนต์กลไกลต่อ

    ในนี้มีคนให้ความรู้ลึกๆ ดีครับ ตอบคำถามกันทันอกทันใจดี คือผมพึ่งได้ตู้แตงโมมา (ก็เลยเข้ามาแอบหาความรู้ในนี้ และก็อยากช่วยเสนอความคิด แต่ดูแล้วมันอาจไม่ค่อยจะได้เรื่องซะแล้ว เพราะดูเหมือนโฟล์ค จะเหมือนซีตรอง ที่ไม่เหมือนรถทั่วๆ ไป ผมคงต้องแอบอ่านอย่างเดียวละครับ) สภาพทุกอย่างค่อนข้างดีมากๆ  ยังไม่รู้อะไรกลับมันเลย (เป็นศูนย์จริงๆ)  กะว่าจะเอาไว้เวลาญาติขึ้นมาเยี่ยมเมืองเหนือจะได้นั่งกันหลายๆ คนได้ และมันก็สวยน่ารักกว่ารถตู้รุ่นใหม่ๆ ของญี่ปุ่นเยอะ (ก็อยากได้หน้าวี เหมือนกัน ยังไม่พบเนื้อคู่ครับ) แต่ในนี้เห็นใช้แต่รุ่นใหม่ๆ กัน เคยหาอ่านเครื่องรุ่นเก่าจากที่อื่นมาหลายที่ ก็ไม่พบอธิบายคุยกันละเอียดและลงลึกๆ เหมือนในนี้ครับ

    เรียนคุณ  P51D ผมก็กำลังหารุ่นนี้ สภาพอุปกรณ์ภายในและคิ้วคางครบอยู่ครับ (ต้องการแค่นี้จริงๆ เรื่องอื่นไม่สน!!!)  เครื่องและระบบไฮดรอลิก พอใช้กลับรุ่นใหม่ได้ครับ ฝากดูให้ด้วยครับ ถ้าราคาไม่แพงมากนัก คุณไม่เอาผมอาจลงไปเอาเองนะครับ ผมใช้ซีตรองมาเกือบสามสิปปีเช่นกัน ใช้ผ่านมือมาสิบกว่าคัน กับหลายๆ รุ่น รุ่นใหม่ๆ ก็เคยใช้  แต่ตัวใช้ประจำ และคิดว่าดีที่สุดของเขาคือ CX ปี 88-92 ครับ ทนทาน บึกบึน ลุยขึ้นเขาลงห้วย ถ้าซ่อมถึง (แต่ผมก็ไม่เคยได้ซ่อมใหญ่เลยสักครั้ง ใช้หลัก Run to Fail) แล้วจะไม่พบปัญหาจุกจิก ค่าใช้จ่ายการซ่อมแซม เฉลี่ยตัวที่ใช้ปัจจุบัน CX 20 คือไม่เกินพันต่อปีครับ (นี่คือรถปี 88 นะครับ) เครื่อง 2000cc  รถหนัก 1,250 kg  วิ่งทางไกล 130 km/hr กินน้ำมัน 14.17kg/km ใช้มาเกือบ 5 แสนกิโล ยี่ห้ออื่นไม่รู้ว่าทำได้หรือไม่ครับ? คือสนใจแต่ซีตรองเลยไม่ได้รู้เรื่องตัวอื่นๆ เลยครับ

    5 ส.ค. 2551 , 23:26:21 น
    ข้อความโดย: P51D
    « เมื่อ: เมษายน 01, 1998, 09:56:35 am »

    เสร็จกันคุณโชติผมเพิ่งรู้ ผมเพิ่งผ่าเครื่องไปหยกๆ ไม่รู้ช่างทากาวอะไรให้ครับ ต้องไปสอบถามหน่อย....คุณ KPJ ครับผมกำลังสนใจเจ้า ซีตรอง ตัวเก่านะครับที่ไฟหน้าดวงใหญ่ๆ ไฟท้ายอยู่บนหลังคาทั้งสองข้าง มันสวยมากตอนมันจอดกองอยู่กับพื้น(สภาพปกติไม่ใช่ชนยับนะครับ)ไม่ทราบว่าน่าสนใจหรือเปล่า อะหลั่ยพอมีมั้ย เห็นจอดอยู่คันนึงที่ทางเข้าสวนสยาม ตรงข้ามหน้า รพ.นพรัตน์ฯ สีฟ้าครีมสวยมาก เอาไว้ต้องขอความรู้สักหน่อยนะครับ ตอนนี้รถที่ใช้ประจำเป็น เปอร์โย 405 SRI ปี 99 แอร์ตัดแล้วไม่ต่อ
    5 ส.ค. 2551 , 21:24:31 น
    ข้อความโดย: โชติ
    « เมื่อ: เมษายน 01, 1998, 09:56:35 am »

    ขอเน้นความสำคัญในการใช้กาวทาปะเก็น ว่าต้องเป็นกาวตามสเปคของโฟล์ค แท้ๆครับ ใช้ยาทาปะเก็นทั่วไปไม่ได้ เพราะกาวนี้มีคุณสมบัติเฉพาะคือ ไม่ละลายในน้ำ แต่ละลายในน้ำมันเครื่องครับ ดังนั้นมันทำมาเพื่อซีลน้ำ แต่ถ้าบังเอิญมีส่วนเกินหลุดเข้าไปในน้ำมันเครื่อง มันจะละลายไป ไม่ไปอุดตันทำความเสียหายแก่ทางเดินน้ำมันเครื่องครับ
    5 ส.ค. 2551 , 08:57:30 น
    ข้อความโดย: ชัย
    « เมื่อ: เมษายน 01, 1998, 09:56:35 am »

    ขออนุญาติเจ้าของกะทู้นะครับ
    ถามว่าใช้วัสดุใด ?...................ไม่ทราบครับ
    รู้แต่ลักษณะเป็นวงแหวนโลหะหนาไม่เกิน 1 มม.เหมือนแหวนลูกสูบแต่ไม่มีช่องปากแหวน
    วางอยู่บนปากกระบอกสูบ สูบละ 1 วง ในส่วนของการป้องกันกำลังอัดฯรั่ว น๊อตฝาสูบทุกตัว
    แช่อยู่ในน้ำหล่อเย็น ช่องว่างระหว่างน๊อตกับฝาสูบก็มีน้ำเข้าไปถึง ปลายน๊อตด้านฝาสูบ
    สัมผัสน้ำโดยตรง ในคู่มือระบุชัดเจนว่าให้ทาน้ำยากันรั่ว(มีเบอร์น้ำยากำกับมาด้วย)
    ที่เกลียวน๊อตและหน้าแปลนทุกตัวแล้วให้ประกอบให้เสร็จใน 40 นาที
    ดังนั้น กาวที่แห้งสนิทแล้วหากมีการบิดตัวอีกครั้งจะเกิดอะไรขึ้น


    4 ส.ค. 2551 , 16:38:28 น
    ข้อความโดย: KPJ
    « เมื่อ: เมษายน 01, 1998, 09:56:35 am »

    “””””””””””””””””””
    ขอเสริมอีกนิด ที่ว่าต้องว่าต้องไขเพิ่มฝาสูบเข้าไปอีกหลังจากทดลองวิ่งแล้ว1500-5000
    ผมหวั่นใจว่า น้ำยากันรั่วที่ทาเอาไว้ที่เกลียวน๊อตฝาสูบมันจะเสียหายอาจบานปลาย
    และประเก็นของรุ่นนี้ก็ไม่มีแผ่นเหมือนทั่วๆไปให้ยุบตัวด้วยครับและถ้าพลาดพั้งไป
    สตัทอาจรูด เรื่องใหญ่ละทีนี้
    “””””””””””””””””””
    เข้ามาอ่านในนี้ก็ได้ความรู้ขึ้นมาอีกเกี่ยวกับโฟล์ค (ปรกติคุ้นกับซีตรองครับ ก็เลยแนะนำตามแบบซีตรองไป คงใช้ไม่ได้กับโฟล็คกระมัง?)

    ผมคงเป็นคนรุ่นเก่า เมื่อก่อนไม่ค่อยพบเครื่องที่ใช้น้ำยา (กาว) ใส่น็อทฝาสูบกันสักเท่าใด (เคยพบแต่ใช้กับจุดอื่น) หากใช้ประเก็นแท้ของโฟล์คและใช้กาวช่วยคงไม่ต้องกวดขันเพิ่ม (เรื่องนี้คงมีว่าไว้ใน Mannual ก็ควรทำตาม) แต่ถ้าใช้ประเก็นเทียมและไม่ได้ใช้กาวช่วยก็น่าเอากลับมาเช็คด้วยประแจทอร์คอีกครั้ง (การขันไม่เกิน Spec กำหนดน็อตคงไม่รูดครับ) หากเป็นเครื่องยนต์ซีตรอง ถ้าไม่ขันน็อทฝาสูบซ้ำหลังการ Overhaul ไปสักระยะหนึ่ง โอกาสที่แรงอัดจากห้องเผาไหม้เข้าหม้อน้ำมีสูงมากครับ

    ไม่ทราบว่าประเก็นโฟล์คใช้วัสดุใด? จึงไม่ยุบตัวเพิ่มอีกเล็กน้อยหลังจากเปลี่ยน และใช้งานไปสักพักหนึ่ง

    4 ส.ค. 2551 , 15:08:51 น
    ข้อความโดย: ชัย
    « เมื่อ: เมษายน 01, 1998, 09:56:35 am »

    ถ้า..วาวล์...มันดังจนน่าเกลียด และไม่ยอมเงียบจริงๆก็ตั้งเถอะ เพราะสาเหตุอาจเกิดจากอย่างอื่น
    เช่นลูกกระทุ้งอาจเสียหาย หากปล่อยไว้อาจลุกลาม หรือปลายก้านวาวล์อาจสึกหรอมากเกินไป
    กรณี สึกหรอก้านวาวล์ไว้ทำตอนยกเครื่องทีเดียวคุ้มกว่า แต่ยังงัยซะการตั้งวาวล์ก็ยังทำให้เรา
    ได้รู้สาเหตุเวลาใช้งานจะได้ระวังเอาไว้
    คันของผม 10 นาทีแรกนั่งทำใจเลยครับจากนั้นก็ปรกติ น้ำมันเตรื่อง เบอร์ 40 กะว่าจะเปลี่ยน
    เป็น 20-50 แล้วค่อยตั้งอีกครั้ง


    4 ส.ค. 2551 , 14:29:37 น
    ข้อความโดย: VT3
    « เมื่อ: เมษายน 01, 1998, 09:56:35 am »

    ฟัง คุณชัย ว่าแล้ว ผมว่าผมฟังเสียงวาวล์ไปพลางๆ ก่อนดีกว่า (ทีแรกคิดว่าจะไปขันกวดฝาสูบอยู่เหมือนกัน)

    4 ส.ค. 2551 , 12:34:59 น
    ข้อความโดย: ชัย
    « เมื่อ: เมษายน 01, 1998, 09:56:35 am »

    ขอเสริมอีกนิด ที่ว่าต้องว่าต้องไขเพิ่มฝาสูบเข้าไปอีกหลังจากทดลองวิ่งแล้ว1500-5000
    ผมหวั่นใจว่า น้ำยากันรั่วที่ทาเอาไว้ที่เกลียวน๊อตฝาสูบมันจะเสียหายอาจบานปลาย
    และประเก็นของรุ่นนี้ก็ไม่มีแผ่นเหมือนทั่วๆไปให้ยุบตัวด้วยครับและถ้าพลาดพั้งไป
    สตัทอาจรูด เรื่องใหญ่ละทีนี้

    4 ส.ค. 2551 , 11:46:49 น
    ข้อความโดย: ชัย
    « เมื่อ: เมษายน 01, 1998, 09:56:35 am »

    เสียงวาวล์ดังของT3 มันคลาสสิคจะตายไปไม่มีเสียงวาวล์ในรถยี่ห้อไหนเหมือนเธออีกแล้ว
    มันกังวานแว่ว(ไม่แว่วนะ) เพราะตะเกียบวาวล์อยู่นอกเสื้อสูบ คงจอดทำสีนานละซิครับ
    แบตฯไม่เสียก็บุญแล้ว เรื่องเสียงวาวล์...............  ดังเช่นคุณโชติกล่าวตามนั้นครับ
    ฝาปิดท้ายไม่น่าหนักใจหรอกครับ ตั้งใหม่ก็หาย แต่ เปลี่ยนยางฝาท้ายด้วยหรือเปล่า ถ้าเปลี่ยน
    ปิดยากแน่ ยางฯยังฟูอยู่ เชื่อว่าช่างอาจถอดกลอนออกตอนทำสี ความสงบเรียบร้อยหลังการ
    ทำสี ขึ้นอยู่กับช่างที่ประกอบรถฯเป็นสำคัญ ถ้าทำงานเละเอียด ก็เป็นบุญของเจ้าของรถ

    ถีบ ครับ ต้องถีบจริงๆ แต่ไม่มีอุ่ไหนถีบให้เจ้าของรถเห็นหรอกครับ มันหยาบคายและทรมานใจ
    เจ้าของรถยิ่งนัก แต่การถีบมีเทคนิค โดยเฉพาะกระจกขอบยางแบบนี้ คุณโชคร้าย

    4 ส.ค. 2551 , 11:22:52 น
    ข้อความโดย: T13
    « เมื่อ: เมษายน 01, 1998, 09:56:35 am »

    เล่นถีบกันเลยเหรอครับ .. เล่นแรงนิ กระจกสองชั้นกลายเป็นชั้นเดียว มีผลทางกายภาพหรือทางใจมากกว่ากันครับ (อันนี้ถามจริง ไม่ได้ยวน)

    เรื่องวาล์วดังนี่  ผมก็ยังมึนไม่หายกับรถผมนี่แหละ คือหลังจากถ่ายน้ำมันเครื่องไปซัก 500 กิโลนี่ เสียงมันก็นุ่มดีอยู่ พอครบระยะ เปลี่ยนกรอง ( W070) ถ่าย นม.เครื่องใหม่ ( ใช้ ปตท.)  ตอนเช้าสตาร์ทเครื่อง วาล์วดังอยู่หลายวันเลยครับ อันนี้ข้องใจจริงๆครับคุณโชติ
    มันลื่นเกินไป รึยังไงครับ ?

    4 ส.ค. 2551 , 09:53:33 น
    ข้อความโดย: P51D
    « เมื่อ: เมษายน 01, 1998, 09:56:35 am »

    เอาอีกแล้ว....กระจกหน้าแตกเลยเป็นสองชั้นด้วย ช่างบอกสุดวิสัยครับรุ่นนี้ถ้าไม่จำเป็นจะไม่ถอดกรจกหน้า เพราะมันถอดยากต้องถีบออก เลยมีรอยร้าวเป็นทางยาว ตอนแรกที่เค้าเอาออกมาวางไว้ไม่ได้สังเกตุ วันนี้เลยสั่งให้เค้าเปลี่ยนแต่ได้แค่ชั้นเดียว ช่างบอกว่าสองชั้นกลัวแตกอีกมันใส่ยากก็เลยต้องจำใจ ผุตรงใหนไม่ผุดันมาผุขอบด้านหน้าเสียด้วย ขอบพระคุณครับจะได้ลองไปสังเกตุเครื่องดู
     

    2 ส.ค. 2551 , 21:14:23 น