• ยินดีต้อนรับ, บุคคลทั่วไป



  • กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิก.

    เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น

    ผู้เขียน หัวข้อ: สตาร์ทรถแล้ว นาฬิกา รีเซต 0 จากกระทู้ 29917  (อ่าน 915 ครั้ง)

    เดี่ยวสี

    • บุคคลทั่วไป
    ขออภัยครับท่านพี่ ที่มาช้าไปนิด ครับ ขออณุญาติ ยกมาตั้งใหม่ นะครับ
    ต่อครับ
       หลังจากเช็ค และมองๆ หาดูตามที่พี่หมุกแจ้งไว้ แล้ว วันศุกร์ เสาร์ ผมก็ขับรถตามปกติ 2 วันนั้น ประมาณ 250 กม. ไม่ได้ไปไหนหรอก ครับ วนๆ อยู่ ระหว่าง รังสิตคลองสามธัญญะ กับ ท่าน้ำนนท์ ก็ไม่มีปัญหาอันไดอีกเลย วันอาทิตย์ ได้พักทั้ง รถ และ คน
    เหตุเกิดเมื่อตอน จะออกจากบ้านวันนี้ เวลาประมาณ 6:20 น. ผมทำการปิดทุกอย่างเช่น วิทยุ สวิทย์แอร์ แล้วก็ สตาร์ท แซ็ด ๆๆๆๆ ไม่ติดครับ ครั้งที่ 1 แต่สัญญาน ปั้มติ๊ก ดังปกติ ครับ สตาร์ทอีกครั้ง แซ็ดๆๆๆ ไม่ติดอีก อ่า ร้อนเลยเอาแล้วสิ ขณะที่ได้บิดกุญแจ ค้างตอนสตาร์ท ได้มีเวลาให้สังเกตุหาเสียง มันมาจากไหน เห็นแวปๆ ว่า เข็มความเร็วรอบ สั่นๆ แล้วเสียงก็มาจากแถวๆ นั้น จริงๆ เสียงมันเหมือน กับเราจ่ายไฟไปที่เฟืองพลาสติกแล้วไฟมันไปบ้าง ไม่ไปบ้าง มันเป็นเสียงเหมือน เราเล่นรถของเด็กเล่น (ของลูกชาย) ถอยหลัง แล้วปล่อยล้อหลังจะหมุนแล้วมันมีเสียงหมุนล้อไปน่ะครับ แต่เสียงมันเป็นเหมือน ตอนมันช้าๆ ใกล้หยุด ครับ
    แล้วก็สตาร์ท ครั้งที่สาม โดยปรับมาสตาร์ท แก็สบ้าง ไม่มั่นใจปั้มติ๊ก ก็ไม่ติดอีก 555 และในการสตาร์ท ทั้ง 3 ครั้งผมเหยียบเบรคทั้งสามครั้ง เลย ครั้งนี้ กดกลับมาสตาร์ทน้ำมันเช่นเดิม แต่ดึงเบรคมือเพราะพื้นบ้านผมลาดเอียงนิดหน่อย เหยียบเบรค สตาร์ท แตกๆๆๆๆ ผมตัดสินใจปล่อยเบรค เมื่อจะเหยียบคันเร่งช่วย ปล่อยเบรค ติดครับ งงไปเลย ยังไม่ได้กดคันเร่งช่วยนะครับ แต่ก็ดีใจ ครับ
    ก็เลยขับมาทำงานปกติก พอถึงก็ดับเครื่อง สตาร์ทใหม่ ฉึ่งเดียวทุกครั้ง สรุป รอดกลับมาเขียนรายงานท่านพี่ได้

    ----------------------------------------------------------
    ข้อสังเกตุ
       วันอาทิตย์ ไม่มีการใช้รถเลยตั้งแต่ประมาณ 18.00 ของวันเสาร์ จนถึง เช้าวันนี้ เวลาประมาณ 48 ชม. เสียอย่างเดียว ผมไม่ได้วัด ไฟแบตฯ ก่อน สตารท์ อันนี้ ฝากติดไว้ก่อน เพราะ วันศุกร์ นี้ ผมจะต้องไปต่างจังหวัด กลับวันเสาร์ ไว้ก่อนสตาร์ท รถผมจะวัดว่า มันมีไฟเท่าไร ครับ
    ----------------------------------------------------------------
    อยากทราบว่า ทั้งสองจุด คือ starter กับ Di/Charge มีวิธีเช็คง่ายๆ ได้อย่างไร ครับ เพื่อไปทดลอง ทำดู ครับ แล้วจะได้ท่ส่งการบ้านต่อไป ครับ

    ส่วน Voltage Stabilisers สนใจครับ ไว้ผมหามาติดเพิ่มครับ หรือท่านพี่มีที่แนะนำ ยินดีนะครับ ขอบคุณครับ

    ----------------------------------------------------------------
    ส่วนเรื่องโปรเจคท่านพี่ ยินดีด้วยความเต็มใจ และเต็มความสามารถ ครับ

    -----------------------------------------------------------------

    ขอขอบคุณท่านพี่มากนะครับ

    [ 16 มิ.ย. 2551 , 10:21:26 น

    คนใช้vw

    • บุคคลทั่วไป
    RE: สตาร์ทรถแล้ว นาฬิกา รีเซต 0 จากกระทู้ 29917
    « ตอบกลับ #1 เมื่อ: เมษายน 01, 1998, 09:56:35 am »
    ตรวจสอบมอเตอร์สตาร์ทกับแบตเตอรี่  ให้กดแตรดู ถ้าดังปกติ  มอเตอร์สตาร์ทเสีย ถ้าแตรดังไม่เหมือนเดิม (อู๊ดๆ) เป็นที่แบตฯ
    แต่ถ้าจะเช็คการชาร์ทไฟ ก็วัดโวลท์ที่บวก-ลบ จะได้ประมาณ 13.8 V วิธีนี้คิดว่าง่ายสุดแล้วนะ....

    16 มิ.ย. 2551 , 10:46:19 น

    ป๊อก

    • บุคคลทั่วไป
    RE: สตาร์ทรถแล้ว นาฬิกา รีเซต 0 จากกระทู้ 29917
    « ตอบกลับ #2 เมื่อ: เมษายน 01, 1998, 09:56:35 am »
    แบบนี้น่าจะชัวร์แล้วครับพี่ท่าน  แบตฯ เริ่มเก็บประจุไม่อยู่แล้วครับ

    คือ...ผมไม่มีข้อมูลทางวิชาการแบบพี่ "หมุกเหล็กไฟ"  นะครับ  ใช้แค่ความรู้แบบบ้านๆ แต่เท่าที่เล่ามาอาการมันฟ้องว่าเป็นที่แบตฯ ชัดๆ แล้วครับ  ประมาณว่า..... จอดทิ้งไว้ 48  ชั่วโมง  แบตฯ ก็เลยคายประจุออกมา (ปกติจอดไม่ถึง 48 ชั่วโมงก็ใช้งานแล้ว  คงยังคายออกมาไม่เยอะจนเห็นผล เราก็ชาร์จเพิ่มแล้ว)  เหยียบเบรคสตาร์ทไม่ติด  ปล่อยเบรคสตาร์ทติด....ตอนเหยียบเบรคมันก็ดึงไฟจากแบตฯ ไปใช้ที่ไฟเบรคด้วย  พอไม่เหยียบเบรคไฟก็ไม่ถูกดึงไปใช้ตรงอื่นนอกจากการสตาร์ท  ก็เลยสตาร์ทติด (เหมือนที่พี่ปิดแอร์ วิทยุ ฯลฯ  นั่นแหละคับ)


    ปล. แวะมาแจม (ตามเคย) ........ และยังคงรอความรู้แบบมีหลักการของพี่ "หมุกเหล็กไฟ"  เพื่อประดับความรู้เพิ่มเติมด้วยครับ

    16 มิ.ย. 2551 , 10:51:37 น

    พอลล่า

    • บุคคลทั่วไป
    RE: สตาร์ทรถแล้ว นาฬิกา รีเซต 0 จากกระทู้ 29917
    « ตอบกลับ #3 เมื่อ: เมษายน 01, 1998, 09:56:35 am »
    ว้าวววววววว มาแต่เช้าเลยนะพี่เดี่ยวพี่ป๊อก ไปตอบมั่งดิ อิ.อิ.อิ...
    16 มิ.ย. 2551 , 11:02:07 น

    หมุกเหล็กไฟ

    • บุคคลทั่วไป
    RE: สตาร์ทรถแล้ว นาฬิกา รีเซต 0 จากกระทู้ 29917
    « ตอบกลับ #4 เมื่อ: เมษายน 01, 1998, 09:56:35 am »
    มากันแต่เช้ายกแก๊งเลยนะครับ ยังซิ! ยังขาด เป้...สุพรรณ อีกคน 5555++
    มาว่ากันต่อนะครับ ดีใจนะได้คุยกันอีก
    อาการที่ว่ามาข้างต้น 95% ละครับ แบตฯน่าจะเก็บไฟไม่อยู่แล้ว
    มาว่ากันเรื่องแบตฯก่อนนะครับ ผมว่าไปวัดตอนนั้นก็คงได้ 12v+นั้นละครับ คือมีแต่แรงดัน แต่กระแสน้อย พอ start รถ ซึ่งต้องใช้กระแสมาก ก็เลยเกิดอาการดังกล่าวครับ  วิธีวัดกระแสไฟตอน start รถ.... ว่า starter ดึงกระแสไปใช้เท่าใหร่ ทำได้โดยการใช้ คีบแอมป์ (ลักษณะเหมือนก้ามปู) เป็นตัววัดครับ กระแสที่แสดงจะนิ่ง บวกลบไม่กีแอมป์ ประมาณนั้นครับ

    *Di/Charge
                                  ก็อย่างที่บอกไว้ก่อนหน้าหะครับ ถ้าวัดแรงดันขณะติดเครื่อง ขั่วบวกกับลบของแบตฯ แรงดันต้องได้มากกว่าแรงดันของแบตฯเสมอครับ แรงดันแบตฯ 12v ,ขณะ charged ต้องมากกว่า 12  v แต่ไม่เกิน 14 v.

    *starter
                 อันนี้ต้องลองต่อตรงดูครับ แต่ไม่แนะนำให้ทำ อันตรายครับ  
    *Voltage Stabilisers
                                     หาซื้อทั่วไปก็ได้ครับที่ราคาอยู่ประมาณ 1000 นิดๆ  


              “หลังสุดดูเหมือนต้องโยนแบงค์พันเข้าไปในฝากระโปลงแล้วครับ”

    อันนี้แนะนำนะครับ
                                     ถ้าซื้อแบตฯใหม่ผมแนะนำว่าขนาดน่าจะ 90Amp เพราะผมใช้อยู่ ไม่เคยมีการดึงกระแสแต่อย่างได,และอันนี้ถ้าเป็นไปได้ แนะนำว่าหาร้านขายแบตฯที่เค้ารับ charge ด้วยนะครับ ให้เค้า charge ให้ซัก 8-16 ชั่วโมง จะเป็นการดี,ส่วนเวลาที่เหลือเราก็มาทำความสะอาดพวกหางปลาต่างๆ เช่น  ขั่วแบตฯ, starter,Di/Charge เป็นต้น หาแปลงลวดขนอ่อนๆมาขัดแล้วหาน้ำยาฉีดล้าง contact จัดการซะ แค่นี้ระบบไฟก็เหมือนรถออกห้างแล้วครับพี่น้องครับ.



    16 มิ.ย. 2551 , 12:49:03 น

    เดี่ยวสี

    • บุคคลทั่วไป
    RE: สตาร์ทรถแล้ว นาฬิกา รีเซต 0 จากกระทู้ 29917
    « ตอบกลับ #5 เมื่อ: เมษายน 01, 1998, 09:56:35 am »
    ขอบคุณครับ ท่านพี่ และมิตรรักแฟนเพลงที่ติดตาม ครับ
    เดี๋ยวกระผมจะรีบ ทำเรื่องเบิกงบประมาณ มาเปลี่ยนแบตใหม่นะครับ แล้วจะลองสังเกต และบันทึกไว้สักพัก แล้วจะมารายงาน สรุปอีกครั้งครับ เพื่อเป็นแนวทางให้กับผู้ที่มีปัญหาหรืออาการคล้ายๆ หรือเหมือนกระผม

    ขอบคุณมากนะครับ ท่านพี่หมุกเหล็กไฟ และทุกท่านครับ

    16 มิ.ย. 2551 , 14:11:57 น

    ฟ้าใส vento 94 ลพบุรี

    • บุคคลทั่วไป
    RE: สตาร์ทรถแล้ว นาฬิกา รีเซต 0 จากกระทู้ 29917
    « ตอบกลับ #6 เมื่อ: เมษายน 01, 1998, 09:56:35 am »
    ฟังเหมือนจะง่าย.. รถพี่คงต้องพึ่งช่างอะนะแบตฯ ใช้ขนาด 90Amp จะเปลี่ยนอยู่พอดี  
    16 มิ.ย. 2551 , 19:55:37 น

    เด็กใหม่หัวใจยุโรป

    • บุคคลทั่วไป
    RE: สตาร์ทรถแล้ว นาฬิกา รีเซต 0 จากกระทู้ 29917
    « ตอบกลับ #7 เมื่อ: เมษายน 01, 1998, 09:56:35 am »
    ไดชาร์จชัวร์ครับ ผมโดนมาแล้วหมื่นฝ่า อาการแบบเดียวกันเด๊ะ ทีแรกนึกว่าเป็นที่แบต  แต่เอะใจ(ดีที่ไม่โดนค่าแบตไปด้วย) เลยยังไม่เปลี่ยนแบต ฝืนใช้ไปพักนึง จนสุดท้าย พ่วงก้อไม่ติด เลยเข้าอู่เช็ค ไม่ใช่แบตครับ แต่เป็นที่ไดชาร์จ เปลี่ยนไดแล้ว แบตยังใช้ได้ดีเลย  ยังไงโทรมาสอบถามได้นะครับ 081-467-0717 ยินดีครับ
    25 มิ.ย. 2551 , 00:23:31 น

    chaiwat9339

    • บุคคลทั่วไป
    RE: สตาร์ทรถแล้ว นาฬิกา รีเซต 0 จากกระทู้ 29917
    « ตอบกลับ #8 เมื่อ: เมษายน 01, 1998, 09:56:35 am »
    B4 ของผมนาฬิกา และ Trip รีเซ็ตเป็น 0 ทุกครั้งที่บิดกุญแจสตาร์ท พร้อมกับเซ็นทรัลล็อคใช้งานไม่ได้ ได้เปลี่ยนฟิวส์ใต้พวงมาลัย ตัวที่ 21 เปลี่ยนจาก 15 A เป็น 20 A ปรากฎว่าเซ็นทรัลล็อคใช้งานได้  และนาฬิกาและ Trip ก็กลับมาใช้ได้เหมือนเดิม  ไม่กลับไปรีเซ็ตที่ 0 แล้ว ไม่ต้องเปลี่ยนแบต  ไม่ต้องเปลี่ยนหน้าปัทม์  บางท่านที่เปลี่ยนแบตแล้วหาย  เป็นไปได้ว่า  ทางร้านอาจเปลี่ยนแบตแล้วไม่หาย  เลยลองเช็คดูว่าฟิวส์ขาดหรือเปล่า  และอาจเปลี่ยนฟิวส์ให้เราฟรีก็ได้ครับ  โดยที่ไม่บอกเรา  เพราะแบตลูกละ 2,000 กว่าบาท  แต่ฟิวส์อันละ 10 บาท
    25 ก.ย. 2553 , 14:18:41 น