• ยินดีต้อนรับ, บุคคลทั่วไป



  • กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิก.

    เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น

    ตอบ

    Warning: this topic has not been posted in for at least 120 days.
    Unless you're sure you want to reply, please consider starting a new topic.
    ชื่อ:
    อีเมล์:
    หัวข้อ:
    ไอค่อนข้อความ:

    Verification:
    Type the letters shown in the picture
    Listen to the letters / Request another image

    Type the letters shown in the picture:
    ตัวย่อของเมืองหลวงของเรา ๓ ตัว:

    shortcuts: กด alt+s เพื่อตั้งกระทู้ หรือ alt+p แสดงตัวอย่าง


    สรุปหัวข้อ

    ข้อความโดย: Thosaporn
    « เมื่อ: กันยายน 09, 2013, 09:15:42 am »

     :) ;) เล่าตามที่เห็นนะครับ วันนั้นช่างเด่นที่หัวหินถอดออกมาล้างแลัวให้ผมดูมันเป็นกลมๆคล้ายๆทุ่นเบ็ดตกปลา แล้วจะมีสายไฟจำไม่ผิดน่าจะสองเเส้นไหมนะแล้วในนั้นจะมีวาวล์ปิดน้ำมันอะครับ ถ้าท่านมีปะแจเบอร์สิบก็ลองไขฝาครอบออกดูก็เจอเลยอะครับ รุ่นนี้เขาเรียกว่า single point หัวเดียวฉีดน้ำมันผ่านลิ้นปีกผีเสื้อเข้าคอไอดี แต่ถ้าดูเผิ่นๆมันจะคล้ายคาบูอะครับ แต่มันไม่ใช่ ช่างเด่นบอกว่าเนี๊ยคือหัวฉีดรุ่นแรกๆของ Volk เลยอะครับ หรือดูใน www.weloveshopping.com คาบูเรเตอร์โฟลค์ 8iy[
    ข้อความโดย: Golf 3 Van
    « เมื่อ: กันยายน 08, 2013, 02:20:47 pm »

    รบกวนสอบถามหน่อยครับ

    หัวฉีดที่ว่าหน้าตาเป็นยังไงครับ อยู่ตรงไหน มีทั้งหมดกี่หัว

    แล้วของ Vento กับของ Golf เหมือนกันหรือเปล่าครับ

    ขอบคุณมากครับ
    ข้อความโดย: Thosaporn
    « เมื่อ: กันยายน 03, 2013, 10:42:47 am »

     :) ;) :D ออครับ ไม่เปนไรครับเราหัวอกเดียวกันเพราะของผมก็เปนเหมือนกันแต่ว่ามาพักหลังๆมันดันหายไปเองสต้าทติดปั้ปทันที...ผมก็อาศัยสอบถามหล่ายๆช่างครับ เช่น ช่างเด่น หัวหิน ช่างเสน่ห์ คุณหะมู และอีกหล่ายๆท่านในเว้ปที่ได้ให้คำแนะนำมาเพราะลองๆดูหล่ายจุดแล้วมันก็ไม่เพี้ยนก็คงเหลือแต่หัวฉีดนี้แหละครับ...เห็นเขาว่าปรกติหัวฉีดมันจะใช้ได้ตั้ง 1000000 กิโลจนรถพังแหละ แต่อย่างว่าไม่มีอะไร 100 % จริงไหมครับ
    ข้อความโดย: ธราธร
    « เมื่อ: กันยายน 03, 2013, 09:31:39 am »

    ขอบตุณตุณThosaporn อย่างมากครับที่ให้ความกระจ่างในการซ่อม ซึ่งกว่าจะหาจุดเจอกับหมดไปหลายบาท เป็นที่สาเหตุที่หัวฉีดจริงด้วย โดยช่างได้เปลี่ยนหัวฉีด กำลังอยู่ขั้นทดลอง ซึ่งผ่านไป ๓ วัน แล้วไม่มีอาการอย่างที่ได้เล่าให้ฟังคิดว่าน่าจะผ่านไปได้ด้วยดี จึงขอขอบคุณสมาชิกทุกท่านที่ได้ให้ประสบการณ์ในการดูแล ขอบพระคุณมากครับ
    ข้อความโดย: ธราธร
    « เมื่อ: สิงหาคม 31, 2013, 09:22:42 am »

    ขอบคุณมากสำรับคำแนะนำจะลองไปดำเนินการดูครับ
    ข้อความโดย: Thosaporn
    « เมื่อ: สิงหาคม 21, 2013, 09:02:01 am »

     :) ;) :D ถึงคุณธราธร ไม่ทราบว่าตอนนี้รถท่านอาการดังกล่าวหายยัง ถ้ายังลองอ่านคอมเม้นจากท่านนี้ดู ผมว่ามันเกี่ยวกันเยอะนะครับ ของผมก้เป็นเหมือนกันแต่ยังไม่ได้สรุปว่ามันเปนเพราะอารัย ตอนนี้จอดไว้สามสี่วันแล้วใช้มอไชด์ทำงานเอา ลองอ่านดูแล้วช่วยกันพิจารณา
    เนื่องจากอาการที่เกิดขึ้นกับท่านเจ่าของกระทู้  มันไม่สามารถสตาร์ทเครื่องยนต์ให้ติดได้  เมื่อมีการดับเครื่องยนต์หลังจากที่ใช้งาน  หรือและลงไปทำธุระ 5-10 นาที่ขึ้นไป   ในเวลานี้จะกลับมาสตาร์ทเครื่องยนต์ไม่ติด  ที่เป็นดังนี้เพราะว่า  หัวฉีดน้ำมันมันรั่ว  มีน้ำมันหยดลงในห้องสูบและมีไอน้ำมันเชื้อเพลิงสะสมอยู่ในห้องไอดีของเครื่องยนต์
       

    ในขณะที่ดับเครื่องยนต์ทันที่  น้ำมันในท่อรางหัวฉีดยังคงมีแรงดันของน้ำมันอยู่  แรงดันของน้ำมันนี้ยามที่หัวฉีดยังปกติไม่รั่ว  แรงดันน้ำมันในท่อรางหํวฉีดจะไม่สามารถดันออกมาได้  เพราะบ่าวาวล์ตรงหัวฉีดปิดสนิทไม่รั่ว   มันจะดันน้ำมันออกได้ก็ต่อมเมื่อมีสัญญาณโวลเต็จ  จากการคอนโทรลของ ECU  จ่ายมาให้ห้วฉีด ยกบ่าวาวล์ให้น้ำมันพุ่งออกไปด้วยแรงดัน   แต่ถ้าหัวฉีดรั่วมันก็จะมีน้ำมันหยดจากหัวฉีดลงสู่ห้องสูบ ตรงกับหัวฉีดประจำสูบนั้นๆ


    น้ำมันเชื้อเพลิงที่หยดรั่วจากหัวฉีดจะเริ่มมีปริมาณน้ำมันที่รั่วมากขึ้นไปเรื่อยๆ  จนแรงดันน้ำมันในท่อรางหัวฉีด  เริ่มจะหมดแรงดันเพราะน้ำมัน มันหยดรั่วออกไป  จนที่สุดก็ไม่มีแรงดันพอที่จะให่รั่วออกจากหัวฉีด   มันก็หยุดรั่ว   จะพบว่าตั้งแต่ดับเครื่องยนต์ทันทีน้ำมันจะรั่วและก่อนที่มันจะหยุดรั่วก็ใช้เวลานานอาจจะ15-20 นาที่    และในช่วงนี้เองหากกลับมาสตาร์ทเครื่องยนต์จะสตาร์ทไม่ติด  ที่ไม่ติดก็เพราะว่า  ในอัตราส่วนผสมในการจุดระเบิด  มีน้ำมันมากกว่าอากาศ   ประกอบกับในเครื่องยนต์ระบบหัวฉีด  ที่ควบคุมด้วยระบบ ECU ในการสตาร์ทเครื่องยนต์ครั้งแรก   ECU จะสั่งให้หัวฉีด  ฉีดน้ำมันมากกว่าปกติเพื่อให้มีอัตราส่วนผสมหนาในการจุดระเบิด  เพื่อช่วยให้รอบการทำงานของเครื่องยนต์ไม่ต่ำในตอนแรก   


    เมื่อเป็นดังนี้เท่ากับว่ามีน้ำมันเพิ่มมากขึ้นอีก  ทำให้อัตราส่วนผสมในการจุดระเบิด  มีน้ำมันมากเรียกว่ามีส่วนผสมหนา   ทำให้การจุดระเบิดเกิดขึ้นยาก   จึงทำให้การสตาร์ทเครื่องยนต์ติดยาก   และอาการนี้จะต้องรอให้น้ำมันในห้องสูบหรือในท่อไอดีมันระเหยออกไปหมดก่อนถึงจะสตาร์ทติด  นั้นหมายความว่าจะต้องรอให้น้ำมัน มันระเหยออกไปให้หมดก่อน    นี้คือสาเหตุที่ไม่สามารถสตาร์ทเครื่องยนต์ให้ติดได้ตามเวลาที่กล่าวมา


    สำหรับอาการที่เกิดกับท่านเจ้าของกระทู้  คาดว่ายัวรั่วไม่มาก  ทำให้ระยะเวลาที่น้ำมันมันระเหยมีไม่นานก็หมด  จึงสตาร์ทติดในช่วงเวลาไม่เกิน15 นาที   หากรั่วมากจะใช้เวลาเกือบชั่วโมงถึงจะสตาร์ทเครื่องยนต์ติดได้
     
    แนวทางการแก้ไข ก็ให้น้ำรถไปให้ช่างตรวจเช็คการรั่วของหัวฉีด  ช่างจะทราบวิธีการตรวจเช็คได้ดี   หากให้ดีควรซื้อมือสองจากเชียงกงอาไหล่มือสองมาเปลี่ยน  ราคาไม่แพงประมาณ 3-400 บาท  ของศูนย์แพงครับ..............srithanon
     
    ขอเพิ่มเติมอีกสาเหตุที่ทำให้เกิดอาการนี้ได้เช่นกัน    ลองตรวจดู เซ็นเซอร์อุณหภูมิน้ำ  หากทำงานผิดปกติ มันจะสตาร์ทเครื่องติดยากเช่นกัน  เพราะที่เซ็นเซอร์ตัวนี้จะทำงานในลักษณะการเกิดค่าความต้านทานในตัวมันต่อการเปลี่ยนแปลงของอุรหภูมิน้ำ  หมายความว่า
    ในขณะที่น้ำในระบบระบายความร้อนของเคื่องยนต์  ยังเย็นอยู่ที่ตัวเซ็นเซอรือุณหภูมิน้ำจะมีค่าความต้านทานสูง   หากน้ำในระบบระบายความร้อนสูงขึ้น   ค่าความต้านทานในตัวมันจะน้อยลง   ทำให้เกิดค่าโวลเต็จตกคร่อมที่ตัวมันเปลี่ยนแปลง  และค่าโวลเต็จที่ได้นั้น  จะส่งไปยัง ECU  สั่งให้หัวฉีด  ฉีดน้ำมันพิ่ม   เพื่อให้เกิดส่วนผสมหนาในการจุดระเบิด  ทำให้รอบเครื่องยนต์สูงในตอนแรกหรือตอนเช้าๆที่เครื่องยังเย็นอยู่

    เมื่อใดก็ตาม  ที่ตัวเซ็นเซอร๋นี้บกพร่องผิดปกติ  ไม่เปลี่ยนค่าความต้านทานตามการแปรผันของอุณหภูมิที่สูง  ก็จะทำการสตาร์ทเครื่องยนต์ติดยาก  หรือบางครั้งพบว่าหัวเสียบของสายไฟสัญญาณไม่แน่น  ทำให้เกิดอาการหายๆเป็นๆ ที่สตาร์เครื่องยนต์ปกติบ้างไม่ปกติบ้าง   ยังงัยก็ลองตรวจสอบกับอาการที่เกิดขึ้นนี้ด้วย  อาจเป็นสาเหตุหนึ่งก้ได้   อะไรก็เกิดขึ้นได้เสมอกับระบบอีเลคโทรนิคส์ที่ใช้ควบคุมการทำงานของเครื่องยนต์  สิ่งที่ใช่ในคราวแรก  แต่อาจจะไม่ใช่ในคราวต่อไป  กับปัญหาที่เกิดขึ้นในอาการเดียวกัน  เพราะมันมีปัจจัยในการทำงานร่วกันของหลายภาคส่วน  ที่ก่อให้เกิดการทำงานของเครื่องยนต์ที่สมบูรณ์..........srithanon
     
    ข้อความโดย: ธราธร
    « เมื่อ: สิงหาคม 18, 2013, 11:22:38 am »

    ขอบคุณทุกท่านที่ให้ความเห็น ได้ดำเนินการไปแล้ว ด้วยการล้างปีกผีเสื้อ เปลี่ยนหัวเทียน และกรองน้ำมันเครื่อง เปลี่ยนคอยส์ ยังคงสภาพเดิม กำลังให้ช่างตรวจสอบอยู่ ขอบคุณครับ
    ข้อความโดย: .
    « เมื่อ: สิงหาคม 17, 2013, 01:33:51 pm »

    ตอนที่ไม่ติด ลองถอดหัวเทียนออกมาดูได้ไหม น้ำมันเชื้อเพลิงหรือน้ำมันเครื่อง ท่วมหัวเทียนแฉะ หรือเปล่า
    ข้อความโดย: นีโน้
    « เมื่อ: สิงหาคม 17, 2013, 11:02:25 am »

     :)ลองแล้วครับ เอาคอยส์อีกตัวมาใส่ละติดง่ายครับพอใช้ขับไปนานๆจอดไว้ไปเดินห้างกลับมาก็สต้าสติดยากเหมือนเดิมเลยสลับกลับไปตัวเดิมปรากฏว่าติดหรือมันจะเสียทั้งสองตัว?งง
    ข้อความโดย: .
    « เมื่อ: สิงหาคม 16, 2013, 11:39:39 am »

    ของคุณนีโน้ เครื่องร้อน ติดยาก น่าจะคิดถึง คอยส์ ก่อนเลย
    ทดสอบโดยถอดคอยส์เดิมออก เปลี่ยนใส่คอยส์ที่ดี -ลองทันที
    จะได้รู้แน่ว่าเป็นที่คอยส์เดิม หรือเปล่า
    ถ้าเป็นที่คอยส์เดิม จริง แต่ใช้ต่อไปโดยไม่เปลี่ยน
    อาการต่อไปที่เคยเจอ คือ วูบดับกลางอากาศ
     
    ข้อความโดย: นีโน้
    « เมื่อ: สิงหาคม 15, 2013, 06:17:31 pm »

    ของผมสตาทติดยากตอนเครื่องร้อนครับ ใช้น้ำมันครับ แต่ก่อนครั้งเดียวติด น้ำมันมาดี...ไฟมาดีครับ
    ข้อความโดย: @007
    « เมื่อ: สิงหาคม 13, 2013, 10:36:11 pm »

    โทรมาดีกว่าครับจะบอกให้อธิบายตรงจุด 086-3300218
    Siam institute Technology
     ;D
    ข้อความโดย: Golf 3 Van
    « เมื่อ: กรกฎาคม 31, 2013, 12:37:56 pm »

    ขอออกความคิดเห็นง่ายๆ แบบคนใช้รถทั่วๆไปนะครับ

    หากกรองน้ำมันตัน

    การสตาร์ทด้วยน้ำมัน ไม่ว่าเครื่องร้อนหรือเย็น น่าจะทำได้ยาก หรือเครื่องเดินสะดุด จากการจ่ายน้ำมันไม่สะดวก

    หากคอยส์เสีย

    การจ่ายไฟเพื่อจุดระเบิดเชื้อเพลิง ไม่ว่าจะน้ำมันหรือแก๊ส น่าจะติดขัด หรือสตาร์ทเครื่องไม่ติด จากคอยส์จ่ายไฟไม่สะดวก

    ขอข้อมูลเพิ่มครับ

    ตอนเครื่องร้อน สตาร์ทด้วยน้ำมันหรือแก๊ส

    ตอนสตาร์ทยาก เป็นแบบไหน

    บิดสตาร์ไม่มีเสียง หรือ

    มีเสียงสตาร์แต่เครื่องไม่ติด หรือ

    สตาร์ทติดแต่ดับทันที หรือ

    สตาร์ทติด เครื่องเดินสะดุด แล้วก็ดับลง

    แต่อย่าลืมเช็คกรองกับคอยส์ด้วยครับ
    ข้อความโดย: vit314
    « เมื่อ: กรกฎาคม 30, 2013, 08:38:50 pm »

    vento  เครื่องเดิม ABS ไม่ก็ ADZ 1.8ลิตร ...คบหากับ LPG  fix mixer  ...อาการก็จะ ตามท่านที่ถาม
    แบบที่ผมเจอมา..ก็จะเป็นเช่นนั้น  นอกนั้นก็...อีกเรื่อง
    ....hang ครับ  เค้าจะจำค่าสุดท้าย  (ตอนใช้ LPG ) ...พอ start petrol (ด้วยเบนซิน) ค่า ทึ่จำ  มันผิด..
    ็เอาค่านั้นมา start ด้วยเบนซิน  (จึงเป็นแบบ  ท่านที่ถาม)....
    ...อ้อ...ถ้าบอกว่า ตัด O2 sensor ออก ...ใช่มันไม่ hang เพราะ..ไม่มีอะไรจะจำ...พอตอนใช้เบนซิน
    ....จะกินกระจาย...ถ้ายอมได้  ก็แล้วไป...
        รถหลายๆ ยี่ฮ้อที่เคยเจอ...เค้าก็  เป็น...แต่จะแก้ไข..ให้เบาบาง(ปัญหาน้อยลง)  จนขับได้  เหมาะกับชีวิต
    อยากstart ด้วยเบนซิน ก็เครื่องติด  อยากเปลี่ยนเป็น LPG ก็ขับดี....มันก็ต้องเจาะกันลงไปกับ เครื่องนั้นๆ
    ...ไม่ตายตัว 
                  ลองอ่านต่อไป  ..จากสมาชิกในนี้ เดี๋ยว ก็  มี  หลายๆความเห็นครับ!!!!
    ....
    ข้อความโดย: naiboom
    « เมื่อ: กรกฎาคม 27, 2013, 09:07:15 pm »

    สตาร์รอบสองโดยน้ำมันหรือแก๊สครับ
    ถ้าแก๊สค้างอยู่สตาร์น้ำมัน จะสตาร์ยากครับ
    ปกติสตาร์น้ำมันในครั่งแรก ถ้าหากใช้แก๊สสตาร์คงต้องลากยาว
    แก๊สกับน้ำมันถ้าปนกันในการสตาร์จะสตาร์ยากครับ
    ขอข้อมูลเพิ่มครับดูแล้วน้อยมาก