• ยินดีต้อนรับ, บุคคลทั่วไป



  • กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิก.

    เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น

    แสดงกระทู้

    This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.


    Messages - panuwat

    หน้า: [1] 2 3
    1
    VW-Thai Club House / Re: B5 มีเสียงประหลาด
    « เมื่อ: สิงหาคม 22, 2014, 12:21:34 pm »
    ขอตอบเฉพาะเรื่องเบาะนะครับ ....เป็นเบาะปรับไฟฟ้าใช่ไหมครับ ....ถ้าใช่ ผมเดาว่าเป็นที่สวิตซ์ปรับเบาะครับ ขี้เกลือมันขึ้นครับ ต้องเปิดแผ่นพลาสติกใต้เบาะ ถอดสายไฟ และถอดกล่องสวิตซ์ออกมา แล้วใช้ประแจท็อกซ์ 6 แฉก ขนาดเล็กๆ(ไม่แน่ใจว่าเบอร์อะไร)เปิดกล่องออก แล้วใช้กระดาษทรายละเอียดขัดผิวสัมผัสเบาๆ จากนั้นใช้น้ำยาล้างผิวสัมผัสฉีดเพิ่มก็ได้ครับ ทำเสร็จก็น่าจะใช้งานได้ ....ของผมก็เคยเป็นครับ เอนได้อย่างเดียว เอากลับไม่ได้ ......แต่ถ้ามอเตอร์เสีย อันนี้คงต้องพึ่งช่างครับ

    2
    ของบี 4 ไม่ทราบว่าดูยังไง
    แต่ของบี 5 มันจะมีร่องตรงสัน(ยาวประมาณ 2 เซนติเมตร) เอาไว้ดูว่าไม่ควรบางเกินร่องนั้น(ไม่ต้องวัดความหนา)
    ผมว่าบี 4 น่าจะมีร่องเหมือนกันนะครับ ลองสังเกตดู ถ้าไม่มี น่าจะบางมากแล้วครับ

    3
    VW-Thai Club House / Re: เวนโต้ตกทางด่วน
    « เมื่อ: กันยายน 13, 2013, 02:27:01 pm »
    ขอตั้งข้อสังเกตครับ ผิดถูกประการใดต้องขออภัย
    1. การทดสอบการชนของ  EURO N-CAP เขาใช้ความเร็วในการชน
    -ด้านหน้า ที่ 64 กิโลเมตร/ชั่วโมง ตามนี้ http://www.euroncap.com/tests/frontimpact.aspx
    -ด้านข้างแบบมีรถมาชน ที่ 50 กิโล/ชม. ตามนี้ http://www.euroncap.com/Content-Web-Page/106f41f7-d486-46bf-bfbc-80fb4c79f679/car-to-car-side-impact.aspx
    -และด้านข้างแบบไถลไปชนเสา ที่ 29 กิโล/ชม. ตามนี้ http://www.euroncap.com/Content-Web-Page/90769bbc-bb74-4129-a046-e586550c3ece/pole-side-impact.aspx ฯลฯ เป็นต้น

    2. ผมเห็นว่าการเกิดอุบัติเหตุในท้องถนนเมืองไทย แล้วมีคนในรถตายหรือบาดเจ็บสาหัส ส่วนใหญ่น่าจะเกินลิมิตของการทดสอบข้างต้น(ผมเดาว่าการชนด้านหน้า/ข้างน่าจะเกิน 90 กิโล/ชม. เผลอๆ น่าจะ 100+) และมองว่า ถ้าชนในลิมิตตามข้อ 1 รถยนต์ที่ออกแบบมาเพื่อซับแรงกระแทกโดยการยุบตัว ก็น่าจะปลอดภัยต่อผู้โดยสารมากกว่าครับ และรถส่วนใหญ่ในประเทศไทยในระดับ A,B,C Segment เมื่อดูตามการทดสอบแล้ว ก็คงปลอดภัยดีทุกคัน

    3. คนบางคนอาจชอบใช้รถเกินสมรรถนะของรถหรือผิดประเภท เช่น รถอีโค่คาร์ เพื่อนผมออกต่างจังหวัดขับกัน ยืนพื้นที่ 120-140+ เครื่องแรงดี ช่วงล่างก็พอได้ อันนี้ต่อให้ผ่านการทดสอบดีขนาดไหน ถ้าเกิดอุบัติเหตุขึ้นมา ถ้าเลี่ยงไม่ได้ ผมก็ขอเลือกอยู่ในรถคันที่โครงสร้างแข็งกว่าไว้ก่อน

    ปล. ผมเห็นด้วยกับคุณ Thosaporn นะครับ เรื่องรอบเครื่อง 1.8NA ว่า ขณะที่ 3500รอบ เสียงเบากว่าที่  3000รอบ เหมือนอยากให้เราใช้รอบที่ 3500 ใช่มั๊ยครับ  5555+


    4
    VW-Thai Club House / Re: passat ปี 2002 น่าใช้ไหมครับ
    « เมื่อ: กันยายน 10, 2013, 09:54:57 am »
    ขอใช้สิทธิ พักพิง ครับพี่หะมู คือว่า "ผู้ร่วมชะตากรรม" ในที่นี่คือว่า เราใช้ passat B5 เหมือนกันครับ ต้องร่วมทุกข์ ร่วมสุข ร่วมซ่อม เหมือนกันคร้าบ เช่น ไฟหน้ารถไม่สว่าง เก๊ะหัก ฯลฯ เหมือนกัน อะไรประมาณนี้อ่ะคร้าบ 555+++..... ส่วนเรื่องปาร์ตี้ ผมมีความสุขมากครับ แต่ต้องขอกลับเร็วเพราะติดธุระจำเป็นครับ ในใจอยากดื่มชาเขียวกับพี่ๆ จนเลิก  เสียดายมากครับ.... รอครั้งหน้า ...อิอิ

    5
    VW-Thai Club House / Re: passat ปี 2002 น่าใช้ไหมครับ
    « เมื่อ: กันยายน 06, 2013, 03:32:13 pm »
    เพิ่มเติมนะครับ
    ถ้าอยากแรง ลงเครื่อง 1.8T ได้ครับ เห็นมีแต่คนบอกว่าขับดีกว่าเดิมมาก (แต่ไม่ได่หมายความว่าเครื่อง 1.8NA ขับไม่ดีนะครับ) ช่างบอกซักแสนเศษๆ ก็น่าจะได้ ถ้าสนใจลองไปอ่านที่เว็บออดี้คลับดูครับ มีความรู้เรื่องเครื่อง 1.8T เยอะมาก

    6
    VW-Thai Club House / Re: passat ปี 2002 น่าใช้ไหมครับ
    « เมื่อ: กันยายน 06, 2013, 03:14:11 pm »
    หวัดดีครับพี่ทนายรูปหล่อ จำผมได้ไหมครับ วันนั้นแอบขอกลับก่อน เสียดายมากครับ

    อันนี้ผมคัดลอกมาจากเว็บ แต่นานแล้ว จำไม่ได้ว่าเว็บไหน ต้องขออภัยด้วยครับ ที่ไม่ได้ให้เครดิต

    "หาเจอเพิ่มเติมครับ VOLKS PASSAT HIGHLINE
    ยนตรกรรมหรูมาตรฐานเยอรมนี
    Volkswagen Passat ซีดานระดับหรูจากเมืองเบียร์ ถูกเผยโฉมเป็นครั้งแรก ในไทย ในงานบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ปี 2000 โดยในรุ่นที่นำมาเปิดตัวเป็นรุ่น HIGHLINE ที่มาพร้อมกับรูปลักษณ์ที่สะท้อนถึงรสนิยมระดับหรู ผสานกับความสะดวกสบาย ภายในห้องโดยสารอัดแน่นด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัย โดยในช่วงนั้นมีสนนราคาค่าตัว 1,541,000 ล้านบาท

    รูปลักษณ์สง่างาม
    Passat Highline เป็นรถซีดานหรูหราอีกยี่ห้อหนึ่งที่มีรูปลักษณ์โค้งมนสง่างาม ตั้งแต่ฝากระโปรงหน้าจดบั้นท้าย ด้วยค่าสัมประสิทธิ์แรงเสียดทาน (CD) ต่ำเพียง 0.27 โดยภายนอกจะโดดเด่นสะดุดตาด้วยหลังคาทรงครึ่งวงกลม ที่มีการออกแบบตามหลักอากาศพลศาสตร์ กระจกมองข้างและมือจับเปิดประตูสีเดียวกับตัวรถ เสริมความปลอดภัยด้วยไฟเลี้ยวสีขาวที่ด้านข้างตัวรถ และไฟหน้ารูปทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้าขนาดใหญ่ ที่รวมไฟประเภทต่าง ๆ เข้าไว้ด้วยกัน พร้อมกันชนขนาดใหญ่ที่เป็นสีเดียวกันกับตัวถัง พร้อมช่องระบายความร้อนที่ติดโลโก้ทรงวงกลมตรงกลางเป็นตัว W และเสริมความโดดเด่นด้วยแอร์แดมป์สีดำที่ตัดกับสีของตัวถังรถอย่างกลมกลืนที เดียว


    ภายในเอื้อประโยชน์ใช้สอย 

    ภาย ในห้องโดยสารถูกดีไซน์ด้วยนักนิยมซีวิค ยุคปี 2000 ที่ต้องพร้อมสรรพด้านความสะดวกสบายทั้งผู้ขับขี่และผู้โดยสาร เสริมความหรูหราและภูมิฐานตามมาตรฐานรถยนต์นั่งระดับหรู ด้วยการตกแต่งและเพิ่มเติมอุปกรณ์อำนวยความสะดวกและความปลอดภัยที่เพียบ พร้อม อาทิ เบาะนั่งคูหน้าปรับเปลี่ยนตำแหน่งไฟฟ้า พร้อมปุ่มปรับหมอนรองกระดูกสันหลังที่ให้ความสะดวกสบาย และให้ความรู้สึกผ่อนคลายแม้ต้องเดินทางไกล

    ขณะที่เบาะนั่งหลังติด ตั้งกลไกระบบ ISOFIX สำหรับการติดตั้งเบาะนั่งเด็ก ที่วางแขนพร้อมกล่องเก็บของกลางเบาะนั่งด้านหน้าหุ้มด้วยหนังแท้ ป้ายสัญญาณฉุกเฉินสะท้อนแสงภายในฝากระโปรงท้าย เสาอากาศวิทยุติดตั้งบนหลังคา พร้อมที่วางเครื่องดื่มพับเก็บได้ และช่องเก็บของตอนหน้าที่มีช่องระบายความเย็นสำหรับเก็บรักษาสิ่งของต่าง ๆ เป็นต้น  คอนโซลหน้าออกแบบและพัฒนาให้มีความโดดเด่น โดยอุปกรณ์ต่าง ๆ ให้ความสะดวกในการใช้งาน แผงไฟหน้าปัดเรืองแสงสีฟ้าตัดสลับกับมาตรวัด และเข็มสีแดงสว่างสวยงาม ให้ความชัดเจน ทั้งอ่านได้ง่ายแม้ยามค่ำคืน ขณะที่เครื่องปรับอากาศเป็นแบบ CIMATRONIC สามารถควบคุมอุณหภูมิในห้องโดยสารให้เย็นสบายได้โดยอัตโนมัติและทุกสภาพของ อากาศ พร้อมเครื่องเสียงคุณภาพสูง GAMMA เพิ่มความรื่นเริงให้กับการขับขี่ ด้วยลำโพง 8 ตัวที่ด้านหน้าและหลัง พร้อมปุ่มปรับเสียงทุ้ม แหลม และระบบป้องกันการโจรกรรม 


    ขุมพลังเครื่องยนต์

    Passat Highline ใช้ขุมพลังในการขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ 20 วาล์ว (5 วาล์วต่อสูบ) มีขนาดความจุเครื่องยนต์ 1781 ซี.ซี. ให้กำลังแรงม้าสูงสุด 125 แรงม้า (bhp) ที่ 5,800 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 168 นิวตันเมตร (Nm) ที่ 3,500 รอบต่อนาที ระบบจ่ายเชื้อเพลิงแบบหัวฉีดอิเล็กทรอนิกส์ Multi-point Injection ควบคุมการทำงานด้วยระบบ Motronic พร้อมท่อร่วมไอดีแบบปรับอัตราการอัดอากาศตามรอบความเร็วของเครื่องยนต์ ตอบสนองอัตราเร่งเร้าใจในทุกย่านความเร็ว โดยให้ความเร็วสูงสุด 201 กม./ชม. อัตราเร่ง 0-100       กม./ชม. ใช้ระยะเวลา 12.5 วินาที ถ่ายทอดกำลังผ่านระบบเกียร์ออโตเมติก 4 สปีด ที่ทำงานประสานสอดคล้องกับระบบ DSP (Dynamic Shift Programme) ที่จะปรับจังหวะการเปลี่ยนเกียร์ให้สัมพันธ์กับสภาพการขับขี่ได้อย่างแม่น ยำ   


    ระบบช่วงล่าง

    ระบบกันสะเทือน หน้าเป็นแบบโฟร์ลิงค์ พร้อมเหล็กกันโคลง ช็อกแอบซอร์เบอร์ คอยล์สปริง ให้ความนุ่มนวลขณะขับขี่ และให้การควบคุมรถเป็นไปอย่างแม่นยำ ปลอดภัยทุกสภาพถนน ระบบกันสะเทือนหลังแบบทอร์ชั่นบีม เหล็กกันโคลง ช็อกแอบซอร์เบอร์ และคอยล์สปริงเช่นเดียวกับด้านหน้า ช่วยในการรักษาความสมดุลในการทรงตัวและการยึดเกาะถนนได้อย่างดี เพิ่มความมั่นใจแม้ขณะเข้าโค้งด้วยความเร็วสูง ผสานกับระบบพวงมาลัยแบบแร็คแอนด์พีเนียน พร้อมพาวเวอร์ผ่อนแรงที่ควบคุมการขับขี่ได้อย่างดี นอกจากนี้ยังยุบตัวได้โดยอัตโนมัติ และพับงอได้หากเกิดอุบัติเหตุปะทะทางด้านหน้าของตัวรถยนต์   

    ระบบ เบรกใน Passat Highline เป็นแบบอิสระ 2 วงจรไขว้ พร้อมหม้อลมผ่อนแรง ระบบป้องกันล้อล็อกขณะเบรก และระบบอิเล็กทรอนิกส์ควบคุมการกระจายแรงเบรก (EBD) โดยด้านหน้าเป็นระบบดิสก์เบรก แบบมีครีบระบายความร้อน ด้านหลังเป็นแบบดิสก์เบรก พร้อมเสริมความมั่นใจในการขับขี่ด้วยยางขนาด 205/55 R16 โดยมีล้อแม็กขนาด 7Jx16 จำนวน 5 วง เป็นอุปกรณ์ติดตั้งมาตรฐาน

    Passat Highline  ให้ความสำคัญกับเรื่องอัตราสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิง โดยการใช้งานในเมืองจะสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิงประมาณ 12.3 ลิตรต่อ 100 กม. ขณะที่การใช้งานนอกเมืองจะประหยัดน้ำมันมากกว่า สิ้นเปลืองเชื้อเพลิงเพียง 7.0 ลิตรต่อ 100 กม. โดยเฉลี่ยอัตราสิ้นเปลืองประมาณ 8.7 กม.ต่อ 100 กม. ซึ่งถังน้ำมันสามารถจุน้ำมันเชื้อเพลิงได้ 62 ลิตร 


    ความคุ้มค่าน่าลงทุน

    Passat Highline ให้ความมั่นใจกับผู้บริโภคในด้านความคงทนถาวรของรถ ด้วยการนำอุปกรณ์ที่ทันสมัยที่สุดในยุคนั้นมาใช้ในการผลิต คือ การเชื่อมต่อตัวถังด้วยแสงเลเซอร์ (Laser Beam Welding) และ Fully Galvanized Body ช่วยให้ตัวถังมีความแข็งแกร่งและคงทนสูงกว่ารถทั่วไป พร้อมควบคุมการประกอบในทุกขั้นตอนการทำงาน สำหรับราคาตอนเปิดตัวอยู่ที่ 1,541,000 บาท


    ราคาจำหน่ายปัจจุบัน (07/2552)
    ราคาสูงสุด 410,000 บาท 
    ราคาต่ำสุด 353,000 บาท
    ปีที่ผลิตและจำหน่าย  2000 (2543)-2003 (2546)
    ความเห็นของผู้เขียน
    ราคาในตลาดมือสอง   **
    ความแข็งแรงของตัวรถ   ****
    ความมีชื่อเสียง     **
    สมรรถนะ    ****
    ความน่าใช้    ***
    ค่าซ่อมบำรุง    **
    ปัญหาจุกจิก    ***
    หมายเหตุ  :  *  ต่ำ, **  พอใช้, ***  ปานกลาง, ****  สูง, *****  สูงมาก

    ข้อมูลทางเทคนิค
    เครื่องยนต์  เบนซิน 4 สูบแถวเรียงวางตามยาว
    ระบายความร้อนด้วยน้ำ
    ระบบเพลาราวลิ้น 5 วาล์วต่อสูบ เพลาราวลิ้นคู่เหนือฝาสูบ (DOHC) ควบคุมด้วยอิเล็กทรอนิกส์
    ปริมาตรความจุกระบอกสูบ (ซี.ซี.) 1781
    ความกว้างกระบอกสูบxช่วงชัก (มม.) 81.0x86.4
    แรงม้าสูงสุด (bhp)/รอบต่อนาที 125/5,800
    แรงบิดสูงสุด (Nm)/รอบต่อนาที 168/3,500
    อัตราส่วนกำลังอัด 10.3:1
    ระบบจ่ายเชื้อเพลิง หัวฉีดอิเล็กทรอนิกส์แบบ Multi-pointInjection (MPI)
    ควบคุมการทำงานด้วยระบบ Motronic พร้อมท่อร่วมไอดีแบบปรับอัตราการอัดอากาศตามรอบ 
    ระบบกรองไอเสีย  Catalytic Converter แบบ 3 ทาง พร้อม Lambda Control แบบ
    ขับ เคลื่อน  2 ล้อหน้า  ระบบเกียร์  อัตโนมัติ 4 สปีด พร้อมระบบ DSP (Dynamic Shift Programme) วิเคราะห์และควบคุมการทำงานด้วยคอมพิวเตอร์
    พวงมาลัย  แร็คแอนด์พีเนียน พร้อมพาวเวอร์ผ่อนแรง
    ระบบกันสะเทือน หน้า โฟร์ลิงค์ พร้อมเหล็กกันโคลง ช็อกแอบซอร์เบอร์ คอยล์สปริง
    หลัง ทอร์ชั่นบีม พร้อมเหล็กกันโคลง ช็อกแอบซอร์เบอร์ คอยล์สปริง
    ระบบเบรก  อิสระ 2 วงจรไขว้ พร้อมหม้อลมผ่อนแรง ระบบป้องกันล้อล็อก
    ขณะเบรก (ABS) และระบบอิเล็กทรอนิกส์ควบคุมการกระจายแรงเบรก (EBD)
    หน้า  ดิสก์เบรก แบบมีครีบระบายความร้อน   หลัง  ดิสก์เบรก
    ขนาดกระทะล้อ  7 Jx16 ข
    นาดยาง    205/55 R 16
    มิติและน้ำหนักตัวรถ (กว้างxยาวxสูง) (มม.)  1,740x4,675x1,459
    ระยะห่างฐานล้อหน้า-หลัง (มม.)  2,707
    ความกว้างของฐานล้อหน้า/หลัง (มม.)  1,498/1,500
    น้ำหนักรถ (กก.)  1,340
    น้ำหนักรถบรรทุกรวม (กก.)  1,910..."
     
    -ดูจากข้อมูลแล้ว เบรก ABS EBD เป็นเทคโนโลยีที่มีในรถปัจจุบัน แต่มันมีใน passat มาเมื่อประมาณ 10 ปีที่แล้ว แต่สำคัญก็คือว่าปัจจุบันมันจะยังใช้ได้อยู่หรือเปล่า ถ้าจะซื้อควรเช็คด้วยนะครับ เห็นหลายคันก็เริ่มพังไปแล้ว แต่ผมไม่ทราบวิธีเช็คนะครับ
    -ช่วงล่างหน้าของ B5 น่าจะดีกว่า B4 เพราะเป็นแบบ มัลติลิ้งค์ เซ็ตเดียวกับ AUDI A4 B5 ผมได้ยินคำล่ำลือทั้งจากเว็บ Audi และ volk และช่างหลายท่านว่าเกาะถนนดี แม้หลวมๆแล้ว รถยังวิ่งตรงดี ผมก็ว่ามันเกาะดีครับ
    -ความเร็วปลาย ตามข้อมูลข้างบนบอกว่า 201 KM/H  บางที่่ก็บอก 205 หรือ 195KM/H เห็นหลายท่านในอินเตอร์เน็ตบอกว่าเครื่องรุ่นนี้ยังวิ่งได้ถึง 200 นะครับ
    -ส่วนตัวผมผมว่าความเร็ว 100-160 มันเหมาะกับการจราจรและถนนเมืองไทยเวลาออกต่างจังหวัด เพราะถ้าขับต่ำกว่า 100 ก็ขับยากต้องค่อยเบรคและหลบสิบล้อที่แซงสิบล้อด้วยกัน และคอยระวังพวกขับเร็วที่ชอบฉีกแซงซ้าย รุ่นนี้ขับแช่ซัก 110-130 กำลังดี แรงบิดกำลังมาเต็ม(ไม่กินน้ำมัน/แก๊สมาก, รถผมลองขับ 90 กับ 110 ปรากฏว่าขับ 110 ประหยัดกว่า) ส่วน 130+ เอาไว้เวลาอยากมันหรือรีบ ,ความเร็วเกิน 160 ผมว่าขับอยากแล้ว เว้นแต่บนทางด่วนหรือตอนดึกสงัดรถน้อยๆ ที่สำคัญถ้าขับตอนกลางวันมีจุดตรวจวัดความเร็วด้วย อย่างเก่งถ้าทำตามกฎหมายก็คงขับได้ไม่เกิน 120
    - ส่วนหุ้มเบาะผมว่าไม่น่ากังวัลนะครับ ขอแค่มีตังค์ก็เลือกตามต้องการ
    - ส่วนเรื่องต้นอืดเนี่ย ผมว่าถ้าเหยียบแบบธรรมดาๆ การตอบสนองมันอืดกว่าวีออส,ยาริส 1.5 แน่ครับ แต่ผมว่ารถมันพุ่งดีนะ เหมือนเขาทดเกียร์มาแบบนี้ แต่ถ้ากดมิดพุ่งแน่ เกียร์เปลี่ยนที่ 6000 รอบ เสียงเครื่องดังกระหึ่ม แต่เปลืองน้ำมัน ผมว่าคุณต้องลองเองครับ ว่ารับได้ไหม
    - ข้อมูลการซ่อม ถ้ามีปัญหาแล้วจะซ่อมที่ไหนอย่างไร ค้นหาหรือโพสต์ถามในนี้ได้ครับ พี่ๆ ในนี้ใจดี เจอตัวจริงยิ่งใจดีครับ อบอุ่นดีครับ

    8
    ผมขอไปด้วยคนครับ อยู่แถวนี้ ใกล้เลย โชคดีจัง อิอิ ;D

    9
    VW-Thai Club House / Re: passat ปี 2002 น่าใช้ไหมครับ
    « เมื่อ: สิงหาคม 30, 2013, 02:07:48 pm »
    ตอบคร่าวๆ นะครับ ผมใช้ตัว ปี 2001
    - เกียร์เสียซ่อม(โอเวอร์ฮอล) ประมาณ สามหมื่นต้น ถึงปลาย
    - เครื่องเดิม 125 แรงม้าที่ 5,800 รอบ แรงบิดน่าจะประมาณ 168-172 นิวตันไม่แน่ใจ ที่ 3500 รอบ
    - วิ่งขึ้นเขา ผมว่าน่าจะพอได้นะครับแต่ใช้รอบเครื่องมากหน่อยถ้ารถหนัก  ส่วนวิ่งทางไกลก็พอได้ แต่รอบเครื่องสูง รอบ 3000 วิ่งได้ประมาณ 100 เสียงดังด้วย แต่ก็รับได้เพราะส่วนตัวชอบฟังเสียงเครื่องยนต์
    - วิ่งทางไกลใช้ความเร็วตั้งแต่ 100-160 กำลังดี รับรองว่าไม่อายรถตลาดเครื่อง 1.8 รุ่นปัจจุบัน
    - ตีนต้นออกตัวอืด เว้นเสียแต่จะเหยียบมิดก็พุ่งปรู๊ดได้ แต่เสียงเครื่อง(พัดลม)ดังมาก เพราะพัดลมหมุนตามรอบเครื่องแบบรถกระบะ
    - คันเร่งและเกียร์ถ้าขับแบบเอื่อยๆ เรื่อยๆ มันจะอืดมาก ถ้าอยากเร่งแซงขึ้นมาทันทีก็ต้องรอซักพัก ตอบสนองช้ามาก แต่ถ้าขับแบบปรู๊ดปร้าดมาตลอด(คือประมาณว่าเหยียบคันเร่งตามใจชอบ)แล้วเร่งแซงแบบนี้ ก็ไม่ขี้เหร่ครับ เพราะเกียร์มันปรับสภาพตามการขับขี่ของเรา
    - โช๊ค 4 ต้น เท่าที่เคยถามนานแล้ว standard น่าจะประมาณ 11,000(คู่ล่ะ 5,500)
    - ช่วงล่าง ผมไม่เคยขับเกิน160 ไม่แน่ใจว่าเลยจากนั้นไปจะเป็นยังไง เอาเป็นว่า ก่อน 160 สำหรับผมถือว่าโอเค ไม่ส่าย รู้สึกมั่นคง(ช่วงล่างเก่าแล้ว มีหลวมบางตัว ) รถผมปริงโหลดอาจมีส่วนช่วย
    - ติดแก๊สแล้วมาประมาปีเศษ ก็ยังปกติดี กล้าเหยียบมากกว่าเดิม(เพราะถูกกว่าน้ำมัน) ทางไกลอยู่ที่ประมาณ 1.7-2.0 บาทต่อกิโลเมตร ใน กทม 2.5+ บาท ต่อกิโลเมตร
    - ความร้อนตอนนี้ปกติดี แต่รถผมน้ำหายนิดหน่อย เดาว่าน่าจะมีจุดรั่ว ยังไม่มีเงินซ่อมครับ 555+

    10
    - ยังดึงไม่ออกหรอกครับพี่ mr.boone เพราะก้านปรับระดับไฟยังติดอยู่กับตัวโคมไฟชั้นในที่สะท้อนแสง(ผมอาจเรียกชื่อไม่ถูกนะครับ)อยู่ ต้องถอดก้านตัวนี้ออกก่อน มันจะเป็นเบ้าล็อกคล้ายลูกหมาก ถอดโดยเปิดยางท้ายโคมออก เอาไฟฉายส่องดู น่าจะเห็นตัวนี้ แล้วก็ปลดล็อกโดยเขี่ยมาด้านข้าง ถ้าจำไม่ผิด ลองดูครับ แต่ต้องระวังมากนะครับ ก้านปรับระดับไฟมันหักง่ายมาก ผมถามช่างแล้วช่างแนะนำว่า B5 ส่วนใหญ่จะหักแทบทุกคัน ถึงอายุมันแล้ว ทำให้โคมไฟตกส่องลงต่ำ แต่ซ่อมเองได้ครับ ผมเอากาวตราช้างติดเสริมด้วยวัสดุอีกนิดนึง
    - ส่วนที่ว่ามีเสียงดัง ผมว่าน่าจะเป็นเพราะโคมไฟชั้นในที่สะท้อนแสง มันติดหรือมันฝืดครับ  มอเตอร์ปรับระดับมันก็เลยรูด และยังหมุนต่อไปเพราะยังไม่ได้ระดับ ปัญหาจุดนี้ผมว่าอย่าไปยุ่งกับมอเตอร์ปรับระดับเลยครับ ระหว่างที่มันดังก็เอามือไปเขี่ย ๆ โคมไฟชั้นในที่สะท้อนแสงให้มันเคลื่อนที่ได้และดูว่ามันติดตรงไหน น่าจะแก้ปัญหาได้ครับ ส่วนที่มันฝืด ผมว่าจุดยึดโคมชั้นในน่าจะหลุดเพราะมันเก่าแล้ว ผมตอบจากประสบการณ์ตัวเองนะครับ ขอให้แก้ไขได้นะครับ

    11
    VW-Thai Club House / Re: แตะเบรกแล้วสั่น
    « เมื่อ: เมษายน 11, 2013, 09:48:26 am »
    เท่าทีทราบนะครับ ที่สันจานเบรคน่าจะมีร่อง Mark เอาไว้ ว่าจานไม่ควรบางเกินร่องนั้น ...ผมเดาว่า ถ้าไม่เห็นร่องแล้ว จานน่าจะบางครับ

    12
    VW-Thai Club House / Re: ขอคอมเม้น Passat ปี 2001 ด้วยครับ
    « เมื่อ: มีนาคม 18, 2013, 05:54:21 pm »
    ถ้าชอบก็สอยเลยครับ (ไม่ได้เชียร์นะครับ แต่อยากให้ใช้ อิอิ) มาเป็นเพื่อนกัน
    ข้อมูลก็ตามพี่ทนายท่านว่า ส่วนตัวผมเห็นว่า ถ้าเกียร์รถรุ่นนี้สภาพดี ก็ขับสนุกใช้ได้ สมกับอายุ 12 ปี ขับทางไกลดี
    นิ่งดี ใช้ความเร็วได้ ตัวถังแข็งดี (ถอยชนเสารั้ว ก็ไม่บุบ แต่สีแตก เสาหัก(เสาปูน) 555 อันนี้พฤติการณ์ส่วนตัวนะครับ)

    ข้อเสียเท่าที่ทราบ -ถ้าไม่ติดแก๊ส กินน้ำมันมาก แต่ติดแก๊สแล้วเหยียบมันกว่าเดิม เพราะไม่ต้องกังวลว่าจะเปลืองน้ำมันและเงินมาก
    ถ้าจะซื้อ ผมก็ขออนุญาตแนะนำ นอกจากดูตัวถัง เครื่อง ผมขอเน้นที่เกียร์นะครับ ถ้าได้มาสภาพดี ก็ยืดเวลาการซ่อมได้

    13
    ผมถอดออกแล้วครับวันนี้ เมื่อกี้เอง(passat b5) ถ้าใครอยากทำเอง ผมขออนุญาตแนะนำครับ

    ไม่ต้องแกะโคมครับ แต่ต้องใช้ความพยายามหน่อย แกะยางปิดหลังโคมออก ปลดสปริง ค่อยๆ ดึงหลอดไฟออก
    ใช้ประแจปากตายตัวเล็กๆ (ประมาณเบอร์ 8-9,หรือวัตถุอย่างอื่น ที่สอดเข้ารูหลอดไฟได้) แหย่เข้าไปในรู และใช้ปากประแจบิดตรงโคนซ้าย-ขวา ไปมา ดันเบาๆ สักพัก เหล็กตัวนี้ก็จะหลุดออก

    ที่นี้มาถึงขั้นตอนที่ยาก คือการเอาเหล็กออกทางรูหลอดไฟ หาลวด หรือวัสดุอื่นที่คล้ายกัน ทำเป็นที่เกี่ยวเหล็กที่ว่าครับ ค่อยๆ ทำ เดี๋ยวเป็นรอย (แต่ปกติกมันก็เป็นรอยอยู่แล้วครับ 555) พยายามเกี่ยวและให้ส่วนที่เป็นโคนของเหล็กตัวนี้ออกมาก่อน(ตรงนี้ล่ะครับที่ยาก) ถ้าโคนออกมาแล้วแล้วใช้มือจับโคน แล้วค่อยๆ โยกออก มันจะมีร่องให้ตรงโคน โยกให้ลงร่อง และออกแรงดึง เอียงไปเอียงมา อาจจะติดนิดนึง แต่ออกได้ครับยืนยัน จากนั้นก็ประกอบกลับตามเดิม

    ขอย้ำว่าการเอาเหล็กออก ต้องพยายามนะครับ (ผมใช้เวลาทำทั้งสองข้างประมาณ 1 ชั่วโมง ข้างซ้ายออกง่ายมาก)

    มาดูผลที่ได้กันครับ จากที่ผมกังวลว่าอาจจะแยงตาชาวบ้าน แต่เท่าที่ทดสอบ ไม่น่าจะแยงครับ แต่พื้นที่สว่างของไฟเพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะด้านข้าง และตรงกลางระหว่างไฟสองข้าง แต่ความเข้มของแสงน่าจะไม่เพิ่มขึ้นครับ โดยรวมแล้ว ถือว่าทัศนวิสัยเพิ่มขึ้นครับ(ขณะจอด เพราะผมยังไม่ลองขับออกถนนครับ รีบมาดูบอลไทย อิอิ) ไม่มีรูปเปรียบเทียบนะครับ

    พี่ๆ ท่านใดสนใจ ลองทำดูได้ครับ

    14
    รอคำตอบด้วยคนครับ
    อาการเดียวกัน
    ถ้าถอดออกแล้ว สว่างขึ้น และไม่แยงตาชาวบ้าน ผมจะถอดครับ

    15
    VW-Thai Club House / Re: ขอคำแนะนำเรื่องแอร์ passat b5 ครับ
    « เมื่อ: พฤศจิกายน 30, 2012, 10:57:05 am »
    จริงเลยครับพี่ mr.boone โดยเฉพาะเวลามีคนอื่นนั่งไปด้วย ขายหน้าตลอดครับ   ;D
    ตอนนี้ก็แฮปปี้ดีกับน้อง b5 ยิ่งติดแก๊ส แล้ว ยิ่งขับสนุกกว่าเดิมอีกครับ

    หน้า: [1] 2 3