ข้อความโดย: วีระ
« เมื่อ: เมษายน 01, 1998, 09:56:35 am »
ผมเข้าใจว่า หลักการคิดเงินลูกค้าของอู่ทั่วไป น่าจะเป็นดังนี้
1 ค่าอะหลั่ย
2 ค่าโทรติดต่อเช็คอะหลั่ย ค่ารถไปซื้อ ค่ารถตระเวนหา ค่ารถเอาไปเปลี่ยน แล้วแต่กรณี
3 ค่าแรงลูกน้อง ( เงินเดือน )
4 ค่าฝีมือ ประสบการณ์ ชื่อเสียง ค่าหนี้สูญ
ปกติ อู่ทั่วไปจะได้รับส่วนลดจากร้านอะหลั่ยประมาณ 25% ถ้าอู่จะคิดเงินลูกค้าในราคาเต็ม ลูกค้าจะไม่รู้สึกอะไร เพราะถ้าซื้อเอง ก็ต้องซื้อราคาเต็มอยู่แล้ว
ดังนั้น ถ้ากำไร 25% นั้น cover ข้อ 2 และ 4 แล้ว อู่ก็คงจะคิดเงินตามมาตรฐาน คือ ค่าอะหลั่ยราคาเต็ม+ค่าแรงช่างราคามาตรฐาน ลูกค้าก็ยินดีจ่าย อู่ก็อยู่รอด
แต่ถ้าซื้ออะหลั่ยแค่ 1 ชิ้น 400 บาท และใช้ช่าง 2 คน กับเวลา 3 ชม. โดยเก็บเงินลูกค้าได้ 900 บาท กำไร 200 บาท บางอู่จะอยู่ไม่รอดครับ ( เพราะข้อ 2 และ 4 จะแยกรายการให้เห็นไม่ได้ ลูกค้าจะไม่เข้าใจ ต้องบวกเข้าไปในข้อ 1 และ 3 ) ถ้าเป็นอย่างนี้บ่อยๆ จรรยาบรรณของอู่จะลดลง โดยเหตุผลว่า ต้องเอาตัวรอดไว้ก่อน ถ้าอู่ร่อแร่ ลูกน้องก็จะหนี ลูกค้าก็ไม่เข้า เงียบเหงาไปหมด แม้แต่ขาจรก็ไม่แวะ ในที่สุดก็ต้องปิดตัว ซึ่งไม่มีเจ้าของอู่ใดยอมให้เป็นเช่นนั้นแน่
ผมใช้วิธีสอบถามจากช่างก่อน ว่าอาการอย่างนี้ ต้องเปลี่ยนอะไร และอะไรซ่อมได้ และเป็นเงินเท่าไร ก่อนตัดสินใจเองว่าอะไรควรเปลี่ยน อะไรควรซ่อม โดยยืดหยุ่นในใจประมาณ 20 % จากราคาที่ช่างบอก แต่ก่อนอื่น ต้องเลือกช่างที่มีจรรยาบรรณสูงด้วยครับ
ผมไม่ได้เป็นเจ้าของอู่ แต่ซ่อมรถมาหลายอู่ และได้คุยกับช่างอยู่พอสมควร จึงเสนอแนะไว้เพียงเท่านี้ครับ
25 ก.ย. 2545 , 20:08:22 น