พอดีนึกได้ว่ามีเรื่องเตือนเรื่องเกียร์นิดนึง พักนี้เห็นเจอcaseคันเกียร์ฝืด เข้าอู่กันหลายคัน หวังว่าคงเป็นประโยขนืบ้างครับ
คือเรื่องของเรื่องคือวันนี้พี่ชายเอารถไปใช้ ปรากฎว่า อาการคันเกียร์มันฝืดนิงนึงซึ่งเป็นมานานแล้ว(โดยเราเข้าใจว่าอาจจะเกิดจากสายเกียร์ เสื่อมไปตามอายุการใช้งาน ถอดมาหล่อลื่นน่าจะหาย แต่ไม่ว่างซะทีเลยทนใช้ไปก่อน) จนกระทั่งวันนี้เลยเกิดเรื่องคือ
คันเกียร์จากที่เคยฝืด วันนี้กลับไม่ฝืดครับ แต่ดันลื่นฟรีไปเลย เหอเหอ ทำให้ไม่สามารถเข้าเกียร์ได้ เมื่อรื้อออกมาดู เจ้าตัวปัญหาที่สงสัยไว้กลับไม่ใช่จำเลยครับ แต่ปัญหากลับเกิดขึ้นจากกระเดื่องภายในเกียร์
ซึ่งปัญหานี้อาจจะเกิดจากช่างประกอบฝาเกียร์ไม่ดี ทำให้มันขืนกัน(อาการฝืด) จนนานๆเข้าสลักที่มันยึดอยู่ทนไม่ไหวก็เลยหลุดออก อันนี้ต้องระวังครับ เพราะสุดท้ายต้องปลดเกียร์ออกมาผ่าดูอยู่ดี อาการที่เกิดนี้ เท่าที่ผมขับมาจะกลับไม่เจอมันกระทบกับการใช้งานเลย เกียร์ลื่น นื่ม จับไวดีปกติ ผิดกับcaseต่อมาซึ่งอันนี้ต้องยอมรับว่า"ซวย"ครับ /////ส่วนcaseที่2 คือAudi A4 2.4 รุ่นนี้ถ้าจำไม่ผิดน่าจะเป้น 5 speed แล้ว จุดอ่อนของรถAudi รุ่นนี้มีอยู่อย่างเดียว ที่น่าหนักใจของบรรดาช่างๆVW Audi
คือ"เกียร์" เนื่องจาก audiรุ่นนี้ เกียร์มือสองในท้องตลาด หรืออะไหล่ในท้องตลาดน่าจะจัดได้ว่า หายากพอสมควร เคยเจอคันนึง
มีอาการคันเกียร์ฝืดเหมือนกัน แต่เจ้าของไม่รู้ก็ทนใช้ไป ซึ่งนานเข้าสลักวาล์วซึ่งอยู่ในวาลวบอดี้ทำหน้าที่เหมือน"ประตู" ปิด-เปิด
น้ำมันเกียร์ (ทำมาจากพลาสติก)ซึ่งเป็นจำเลยของอาการนี้ หากเจ้าของยังทนฝืน"โยก"คันเกียรใช้ต่อไป สิ่งที่จะเกิดขึ้นก็คือ"หัก" ครับซึ่งลำพังราคาค่าตัวของมันคงไม่กี่สตางค์ แต่ปัญหามันอยู่ที่อย่างที่กล่าวไว้ข้างต้นว่า เกียร์ของรถรุ่นนี้หามือสองค่อนข้างยากมาก หรือหากคุณจะไปเบิกตัวนี้มาจากที่ยนตรกิจ แน่นอนว่าเค้ามีอะไหล่ชิ้นนี้ให้คุณแน่ เพียงแต่เค้าจะฝากวาล์วบอดี้มาไว้ให้คุณนั่งเล่น"pinball" อยู่ที่บ้านเพิ่มอีก1ตัว เนื่องจากยนตรกิจไม่มีนโยบายขายอะไหล่แยกกัน 555(ซวยคนใช้อีก)ปจบAudi A4 2.4 คันนี้ย้ายมาหลายอู่แล้วครับ ไม่มีอู่ไหนเอาอยู่ เฉพาะน้ำมันเกียร์ของรถคันนี้หมดไปหลายสิบแกลลอนแล้วครับ ได้ข่าวว่าเจ้าของยอมแพ้เลยครับ ปจบคันนี้จอดอยู่ ณ อู่นึงมาราว7เดือนแล้วครับ เจ้าของพูดแต่ว่าเสร็จเมื่อไหร่ให้โทรมาบอกแล้วกัน พร้อมกับเปรยๆ เจ้าของพูดคำเดียวขายทิ้ง แน่นอนครับ น่าสงสารมากๆ หวังว่าข้อมูลข้างต้นคงช่วยประหยัด"งบ"ในกระเป๋าได้บ้างนะครับ สวัสดี
[ 9 ก.ย. 2005 , 00:22:14 น