Made with Tripod.com

ถอดทำความสะอาดพัดลมโบลว์เว่อร์ในระบบปรับอากาศ

โดย คุณจิตติ กิตติวิศิษฎ์ jittik@mozart.inet.co.th

ระบบปรับอากาศใน Golf/Vento/Seat/Passat/Audi จะอาศัยแรงดันลมจาก พัดลมโบลว์เว่อร์ (Blower Motor) เป่าลมผ่านตู้แอร์ (Evaporater) ให้กลายเป็นลมเย็นและแห้ง แล้วนำไปปล่อยออกตามท่อทางต่างๆ ที่ Console หน้ารถ และที่พื้นรถใกล้กับที่วางเท้าของผู้โดยสารตอนหลัง ทั้งนี้ก่อนที่จะถึงจุดปล่อยลมเย็นออก ยังมีกลไกที่เบี่ยง ให้ลมเย็นส่วนหนึ่ง ไปเป่าผ่านตู้ทำความร้อน (Heater) เพื่อให้กลายเป็นลมร้อน แล้วนำมาผสมกับลมเย็นที่เหลือ ในลักษณะเดียวกันกับการผสมน้ำเย็นกับน้ำร้อน เพื่อให้ได้อุณหภูมิตามต้องการ

ในกรณีที่เราปรับให้ใช้อากาศหมุนเวียนภายในรถ เมื่อลมเย็นถูกปล่อยออกมาทำความเย็นในห้องโดยสารแล้ว ก็จะถูกดูดกลับเข้าไปใช้หมุนเวียนในระบบปรับอากาศนี้ใหม่ โดยพัดลมโบลว์เว่อร์ อีกเช่นกัน แต่ถ้าหากเราปรับให้ใช้อากาศถ่ายเทจากภายนอกรถ ก็จะมีกลไกบังคับช่องลมให้ พัดลมโบลว์เว่อร์ ดูดเอาอากาศจากภายนอกตัวรถ ผ่านเข้ามาทางช่องลมใต้ที่ปัดน้ำฝนของผู้โดยสารตอนหน้า โดยที่ช่องลมนี้จะมีไส้กรองอากาศ (Pollen Filter) สำหรับกรองฝุ่นละอองขนาดใหญ่ไม่ให้ถูกดูดเข้ามาด้วย อากาศจากภายนอกรถนี้ จะถูกเป่าผ่านท่อทางของระบบปรับอากาศที่อธิบายไว้ข้างต้น และเมื่อปล่อยเป็นลมเย็นออกมา ก็จะดันให้อากาศเดิมในตัวรถไหลออกไปทิ้ง ผ่านช่องระบายที่ซ่อนอยู่ในกันชนหลังด้านข้าง

จะเห็นได้ว่า พัดลมโบลว์เว่อร์ นี้ต้องทำงานเป่าลมอยู่ตลอดเวลามิฉะนั้นในห้องโดยสารจะอึดอัดมาก เมื่อใช้งานไปนานๆ จึงมีเศษฝุ่นละอองเล็กๆ ค่อยๆ สะสมเกาะติดอยู่กับใบพัดของพัดลม ทำให้แรงดันลมไม่แรงเหมือนเดิม และทำให้ลมไม่สะอาด มีกลิ่นอับ อีกทั้งมีฝุ่นละอองปลิวตามออกมาด้วย ในโอกาสนี้ ผมจึงอยากจะชวนให้พวกเรามา ถอดทำความสะอาดพัดลมโบลว์เว่อร์ กัน ซึ่งทำได้ไม่ยากและใช้เครื่องมือง่ายๆ ที่ใครๆ ก็มี

อันดับแรก ให้ถอดกล่องเก็บของ ด้านผู้โดยสารตอนหน้าออกมาก่อน โดยใช้ไขควงปากสี่แฉกถอดสรูว์ 5 ตัว แล้วก็ยกออกมาทั้งกล่อง จากนั้นให้ลองมุดเข้าไปดูใต้ Console จะเห็นว่ามีแผ่นโฟมปิดอยู่ มีสายรัดพลาสติคและหมุดพลาสติคหัวแบนๆ ยึดเอาไว้ ให้ค่อยๆ งัดหมุดพลาสติคนี้ออกมา แล้วแง้มดูว่ามีอะไรเอ่ยแอบอยู่ใต้แผ่นโฟม

สิ่งซึ่งจะพบเมื่อแง้มแผ่นโฟมออกมา ก็คือท่อทางของระบบปรับอากาศซึ่งเป็นโครงให้ พัดลมโบลว์เว่อร์ นี้ยึดเกาะอยู่ ขั้นตอนต่อไปก็คือปลดขั้วสายไฟ ซึ่งเสียบเอาไว้ที่ก้นพัดลม แล้วก็ถอดสกรูว์ที่ยึดตัวพัดลม พอถอดออกครบ 5 ตัว พัดลมก็ทำท่าจะหล่นตุ๊บ ลงใส่พื้นรถ ให้ค่อยๆ ประคองออกไปนอกตัวรถอย่างนิ่มนวล มิฉะนั้นขี้ฝุ่นซึ่งเป็นผงละเอียดมากๆ จะฟุ้งกระจายบนพรม ทำความสะอาดลำบาก

มาพิจารณาดูตัวพัดลม จะเห็นว่ามีใบพัดพลาสติคยึดติดตายกับมอเตอร์ ขนาด 12 Volt ใบพัดเป็นทรงกระบอก มีครีบดักลมเล็กๆ ตามแนวตั้งรอบพื้นผิวทรงกระบอก ตามครีบเล็กๆ นี้เองที่ขี้ฝุ่นผงละเอียดเข้ามาจับตัวสะสมกันเป็นชั้นๆ การทำความสะอาดให้ใช้แปรงสีฟันค่อยๆ ขัดออก ถ้าขัดแล้วมันฟุ้งกระจาย ก็ให้จุ่มด้านใบพัดลง ในกาละมังใส่น้ำตื้นๆ แล้วขัดขี้ฝุ่นทิ้งลงน้ำ ของในรถผมเอง ขัดแป๊บเดียวน้ำดำเป็นขี้โคลนเลย ระหว่างนี้ให้ขัดอย่างใจเย็นๆ ระวังอย่าให้น้ำกระเด็นเข้าส่วนที่เป็นมอเตอร์ เมื่อสะอาดดีแล้วให้นำไปตากแดดให้แห้งสนิท และเป็นการฆ่าเชื้อโรคที่อาจจะมีอยู่ในคราบของขี้ฝุ่นด้วย หลังจากนั้นถ้าคุณเป็นคนมั่นใจในสุขภาพของเหงือกและฟัน จะเอาแปรงกลับไปใช้สีฟันใหม่ก็เชิญตามสะดวก

ระหว่างที่รอพัดลมตากแดดให้แห้ง ให้มุดเข้าไปดูในช่องใต้ Console ที่ถอดตัวพัดลมออกมา ส่องดูด้วยไฟฉายมองไปทางด้านขวาล่าง ก็จะเห็นตู้แอร์ (Evaporater) ซึ่งมีลักษณะเป็นกล่องสี่เหลี่ยมมีครีบอลูมิเนียมบางๆ ที่ครีบเหล่านี้ก็จะมีขี้ฝุ่นเกาะในลักษณะเดียวกันกับที่ครีบใบพัดของพัดลมโบลว์เวอร์ ซึ่งถ้าจับตัวหนา ก็จะมีลักษณะเป็นเยื่อคล้ายใยแมลงมุม ถ้าหนากว่านั้นอีกก็จะเป็นคล้ายๆ กระดาษทิชชู่ การทำความสะอาดบริเวณนี้ต้องอาศัยฝีมือหน่อย โดยใช้แปรงสีฟัน (ของคนที่เราไม่ค่อยชอบหน้า) นำมาค่อยๆ แปรงผ่านครีบของตู้แอร์ โดยมีเป้าหมายให้เยื่อใยของขี้ฝุ่นม้วนพัน ติดขนแปรงออกมาให้มากที่สุด หรือถ้าฝุ่นเกาะอย่างหนาแน่น ยากแก่การที่จะเอาออกไดโดยง่าย ก็ให้เอาแปรงสีฟันจุ่มน้ำพอให้ขนแปรงเปีบกชุ่ม เอาไปลูบครีบของตู้แอร์ เมื่อฝุ่นเปียกน้ำ ก็จะช่วยให้เราทำความสะอาดได้สะดวกมากขึ้น ส่วนบริเวณซอกด้านในๆหน่อยถ้าคุณมองเห็นไม่ชัด ก็ให้หยิบยืมตลับแป้งที่มีกระจกของคุณสุภาพสตรี มาใช้ช่วยในการส่องซอกเล็กซอกน้อยให้สะดวกแก่การทำงานของเรายิ่งขึ้น เมื่อทำท่าโยงโย่โยงหยก จนปวดหลังได้ที่แล้ว ตู้แอร์ด้านที่มองเห็นก็จะสะอาดขึ้นกว่าเดิม อย่างเห็นได้ชัด และพัดลมโบลว์เวอร์ที่ตากแดดไว้ก็จะแห้งสนิทพอดี

จากนั้นก็จัดการประกอบชิ้นส่วนต่างๆ กลับเข้าที่ เมื่อเสร็จเรียบร้อยโดยฝรั่งไม่ได้ทำชิ้นส่วนเกิน ก็ให้ทดลองติดเครื่องและเปิดแอร์ดู จะพบว่าลมที่เป่าออกมาแรงขึ้นกว่าเดิม และมีกลิ่นสะอาดกว่าเดิมจนรู้สึกได้ (อุปปาทาน หรือปล่าวก็ไม่รู้ ) และเมื่ออุตส่าห์ทำความสะอาดมาถึงขนาดนี้แล้ว ก็น่าที่จะถอด Pollen Filter ออกมาเคาะขี้ฝุ่นทิ้งเสียบ้าง หรือถ้าพบว่ามันขาดก็จะได้เปลี่ยนใหม่ได้ทัน ก่อนที่ขี้ฝุ่นจะถูกดูดให้เข้าไปเกาะใบพัดลมกับครีบตู้แอร์อีกรอบหนึ่ง